ถ้าหากสังเกตกันดี ๆ เราทุกคนจะรู้ว่าความแปลกมันเป็นเรื่องที่เรารู้สึกกันเกือบทุกบริบท ไม่ว่าจะเป็น ความรู้สึกว่าคนนี้เป็นคนแปลก ๆ บ้างตัวเราก็แปลกไป หรือว่าคนที่เรารู้จักคนนี้เขามีท่าทีที่แปลก ๆ สิ่งเหล่านี้คือสัญญาณเตือนถึงบางสิ่ง หากใครที่ฝึกการสังเกต แถมมีลางสังหรณ์ที่ชัดเจนจะสัมผัสได้เลยว่า คนบางคนไม่ควรอยู่ใกล้ และคนบางคนก็ควรเข้าใกล้ให้ได้มากที่สุด ความแปลกอาจจะเป็นค่ากลาง มันอยู่ที่เรารู้สึกแบบนี้มันเป็นเพราะเหตุใด การหาคำตอบจึงจำเป็น.
สัญญาณเตือนที่จะเพิกเฉยไม่ได้
การจะสังเกตสัญญาณเตือนว่า สิ่งนี้เป็นสิ่งที่แปลกได้นั้น จะต้องเริ่มต้นจากเป็นคนช่างสังเกตก่อนอันดับแรก ต่อมาเราก็จำเป็นจะต้องรู้ความเป็นสามัญธรรมดาของความน่าจะเป็น อย่างเช่น คนเราส่วนใหญ่จะร้องไห้เวลาเจอเรื่องเศร้าใจหนัก รวมถึงการพลัดพรากจากสิ่งที่รักไป แต่ถ้าคน ๆ นั้นเขาหัวเราะออกมาท่ามกลางความเสียใจ นั่นจึงเรียกว่าแปลก ความแปลกจึงเป็นความขัดแย้งต่อความรู้สึกพื้นฐานที่ควรจะเป็น เหมือนเป็นการย้อนแย้งทางความรู้สึกเบื้องลึกว่า “ทุกคนก็สมควรเจอเรื่องแย่ ๆ แบบนี้นั่นแหละ ไม่มีใครสมควรได้รับความสุขกันหรอก” อะไรทำนองนี้ ซึ่งความอันตรายจะทวีคูณขึ้นก็ต่อเมื่อเราเพิกเฉยต่อความแปลกบ่อยครั้งเข้า.
อาการที่เราปฏิเสธความรู้สึกที่ควรจะเป็น ก็อาจจะส่งผลทำให้เรามีความคิดที่กลับด้านได้ อย่างเช่น เหตุการณ์ที่พ่อแม่กำลังดุด่าว่ากล่าวเรา ไม่ว่าจะเพราะเราผิดเอง หรือเพราะพ่อแม่กำลังระบายอารมณ์ใส่เรา แต่เรากลับบอกว่า “ความรู้สึกทุกข์นี้มันน่าตลกดีเนอะ มันทำให้เรารู้สึกด้านชากับความเจ็บปวดบ่อยครั้งมากยิ่งขึ้น” แล้วความรู้สึกดังกล่าวนี้ย่อมส่งผลร้ายแรงมาให้อย่างเราไม่อาจจะนึกคิดได้เลยว่า ผลลัพธ์นั้นจะออกไปในรูปแบบใด ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว การไม่เข้าใจสิ่งที่พ่อแม่กระทำกับเรา มันเป็นเรื่องปกติ รวมถึงการต่อต้านก็เป็นเรื่องปกติเช่นกัน แต่การที่เราแสร้งหรือสร้างทำเป็นไม่รู้สึก นั่นแหละจึงเรียกว่าแปลก.
ระมัดระวังการคบหาผู้คนใหม่ ๆ ที่เรารู้สึกว่าแปลก
คำว่าโรคจิต อาจจะไม่ใช่คำที่ไกลตัว เพราะยุคสมัยนี้มีคนมากมายที่กำลังสับสนอยู่ในวังวนของสิ่งแวดล้อมรอบข้าง ที่เต็มไปด้วยคำถามบ้าง หรือด้วยความไม่เข้าใจบ้าง บางทีคำว่าโรคจิตอาจจะฟังดูน่ากลัว แต่กระนั้นอยากจะให้ทุกคนลองเปิดใจรับคำนี้เอาไว้เป็นสิ่งที่ต้องระมัดระวังเป็นอันดับต้น ๆ ของการคบหาผู้คนใหม่ ๆ ที่ย่างกรายเข้ามายังชีวิตของเราเอาไว้บ้าง มีหลายเหตุการณ์ที่ความรู้สึกแปลก ๆ ต่อผู้คน แล้วปรากฏขึ้นมาบนความคิด แต่เราก็ไม่ค่อยจะสนใจเท่าไรนัก เพราะมันไม่มีอะไรหนักหนาสาหัส แต่บางครั้งการกระทำเพียงหนึ่งครั้งที่เรามองว่า คนเราไม่น่าจะตัดสินใจทำแบบนี้ลงไปได้ อาจจะนำหายนะมาสู่ชีวิตของเราทั้งชีวิตเลยก็เป็นได้.
ความรู้สึกที่ว่ามันแปลก ๆ จะเกิดขึ้น ณ เวลาที่มองไปยังสายตาของเขา เช่น เวลาสบตากันเขาจะมองเราด้วยความรู้สึกแปลก ๆ มันไม่เชิงว่าเขามองเราด้วยท่าทีของความเป็นมิตรซะทีเดียว แต่มันก็รวมไปถึงสายตาคู่นั้นของเขาอาจจะหมายถึง เขาก็สามารถทำอะไรกับเราก็ได้ ถ้าเขาปรารถนาที่จะทำ บางครั้งสายตาอาจจะเป็นหน้าต่างของหัวใจก็เป็นได้ มันสื่อถึงอะไรหลาย ๆ อย่างในเวลาเดียวกัน ทว่า สายตาที่ดูเป็นมิตรที่สุด ก็ควรจะมองเราด้วยสีหน้าแววตาของความเห็นอกเห็นใจซึ่งกันและกัน เข้าใจว่าถ้าเราเป็นอะไรไป เขาก็จะยังอยู่ตรงนี้ไม่ไปไหน แล้วการไว้ใจซึ่งกันและกันจริง ๆ จะส่งผลให้ความแปลกนี้ลดลง แต่มันจำเป็นต้องใช้เวลาพอสมควร.
ระยะเวลาจะส่งผลต่อความแปลกเสมอ
ถ้าหากเราเคยพบเจอคนที่เราสามารถไว้ใจเขาได้ทั้งชีวิต กับคนที่รู้จักกันไม่ถึงหนึ่งเดือน นั่นอาจจะหมายความว่าเรากำลังพบเจอคนที่มีแนวโน้มที่สูงลิ่วกับการที่เขาจะหลอกลวงเราไม่ว่าทางใดก็ทางหนึ่ง ซึ่งระยะเวลาจะส่งผลต่อความแปลกเสมอ หากอะไรที่มันเร็วเกินไป นั่นก็คือแปลก และอะไรที่ช้าไป นั่นก็คือแปลก ความแปลกนั้นเกิดขึ้นง่ายมาก ถ้าอะไรที่มันไม่ชอบมาพากล บางทีเราอาจจะรู้จักกันไม่กี่เดือน แล้วเราก็อาจจะตัดสินใจไปเที่ยวต่างประเทศด้วยกัน ในความเป็นจริงแล้วมันก็เข้าข่ายในความแปลก แต่ถ้าเราไม่รู้สึกแปลกจริง ๆ การจะทำอะไรก็อาจจะไม่ได้มีผลร้ายตามมาก็เป็นได้เช่นกัน ทั้งนี้มันขึ้นอยู่กับความรู้สึกโดยรวมว่า คน ๆ นี้เขาต้องการอะไรจากตัวเรากันแน่.
ไม่ว่าจะเป็นความแปลกที่ดี หรือความแปลกที่ไม่ดี ทั้งสองอย่างจำเป็นที่จะต้องใช้เวลาในการแยกแยะ ความพอดีและความสมดุล เป็นสิ่งที่จะทำให้ความแปลกลดน้อยลงไป บางคนก็มีความแปลกและแตกต่างจึงเรียกว่า เป็นเอกลักษณ์ บางคนก็มีความแปลกแยกและประหลาดจึงเรียกว่า เป็นความผิดปกติชนิดหนึ่ง ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นกับเราหรือคนที่เราคบหาอยู่ จงจำไว้อยู่เสมอว่า การจะไปพูดตรง ๆ ให้เขารับรู้อาจจะไม่ใช่สิ่งที่สมควร เราจำเป็นต้องแยกแยะให้ออกจะดีที่สุด เพราะยังไงแล้วคนที่แปลกเขาก็ย่อมต้องการความยอมรับจากเราอยู่ดี มันเลยเป็นอะไรที่ยากมากที่จะตอบได้ว่าเราควรทำอย่างไร ทักษะในการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า จึงเป็นสิ่งที่สมควรจะนำมาใช้กับเหตุการณ์ในครั้งนี้.
มีสติและถอยออกจากความสัมพันธ์ใด ๆ ที่เราคิดว่ามันไม่ปลอดภัย
คงไม่มีใครในโลกที่อยากจะเป็นคนแปลกแยกในสายตาคนที่เรารัก ทุกคนต้องการความยอมรับจากคนที่เราให้ความสำคัญ แต่กระนั้นความจริงกับความคาดหวัง มันไม่ได้จะบรรจบด้วยกันเสมอไป มีบางคนที่สามารถออกจากความสัมพันธ์ที่ตัวเองรู้สึกว่าไม่ปลอดภัยได้ทัน และบางคนก็ไม่สามารถออกมาได้ทัน สิ่งที่จะเตือนในที่นี้ไม่ได้จะให้คิดมากในเรื่องความแปลกของบุคคลในสังคม แต่มันคือการเข้าใจเขาเหล่านั้นให้มากยิ่งขึ้น อาจจะมีบางครั้งที่เราเป็นคนที่ถูกกระทำ ไม่ว่าจะเป็นทางวาจา หรือทางกายก็ตามแต่ แต่มันคือการอยู่ร่วมกันในสังคมอย่างถ้อยทีถ้อยอาศัย เพราะถึงแม้เขาจะไม่เป็นอันตรายต่อเราในบริบทของคนใกล้ชิด แต่ยังไงแล้วเราก็หลีกเลี่ยงที่จะไม่พบเจอความแปลกไปได้เลย.
ความเข้าอกเข้าใจซึ่งกันและกัน จะเป็นทางออกของปัญหานี้ เราทุกคนนั้นก็ล้วนแต่มีความแปลกอยู่ในตัวเราเองกันทุกคน เราอาจจะมีความละม้ายคล้ายคลึงกัน แต่เราก็ย่อมแปลกในสายตาคนอื่นอยู่ดี การแบ่งแยกเป็นการกระทำที่ไม่สมควร การเหยียด และดูถูกดูแคลนกันก็เป็นการกระทำที่ไม่น่ายกย่องเลยอย่างยิ่ง การเลือกทางเดินชีวิตเป็นสิทธิอันชอบธรรมของเรา แต่การที่ความแปลกยังสถิตอยู่กับใคร ก็ย่อมเป็นสิทธิอันชอบธรรมของเขาเช่นกัน เราไม่มีสิทธิ์ที่จะไปด่าว่าใคร ไม่ว่าเขาจะดีหรือแย่ประการใด เพียงแต่เราทุกคนต้องตระหนักรู้ว่า “ถ้าเราแปลกเราก็น้อมรับแต่โดยดี เราจำเป็นจะต้องเคารพ กับการตัดสินใจเลือกทางเดินของผู้คนในสังคมด้วยเสมอ” แล้วปัญหาเหล่านี้จะหมดไป ถ้าเราเคารพสิทธิซึ่งกันและกัน.