ทำให้ดีที่สุด

เป็นคำพูดที่ค่อนข้างพูดง่ายแต่ก็ทำได้ยากอีกคำนึง เพราะว่าสำหรับปัญหาที่ถาโถมเข้ามาก็ยากที่จะรับมือกับมัน ไหงเราจะรับมือกับปัญหายังไงดีล่ะ แต่สิ่งที่สำคัญไม่ใช่ ‘ปล่อยเวลาให้เสียไป’ แต่เป็นการทำวันนี้ให้ดีที่สุด ไม่ว่าเรื่องที่เราเจอจะเป็นอย่างไร ไม่สำคัญเท่ากับ วันนี้เราทำสิ่งนั้นดีสุดแล้วหรือยัง เมื่อรู้อย่างนี้แล้วสิ่งที่ควรทำก็คือเพิ่มพลังใจด้วยความคิดที่ดีในแต่ละวัน จะได้ไม่เสียใจภายหลัง.

โอกาสนั้นมาถึงแล้ว ปัจจุบันเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด สำหรับคนที่ยึดติดอดีตด้วยคำพูดคลาสสิกที่ว่า “ไม่น่าเลย” “อยากกลับไปแก้ไขเนอะ” หรือ “เสียดายจังเราน่าจะทำแบบนี้มากกว่า” คำพูดพวกนี้จะคอยกัดกินหัวใจเราไปทุกวัน ทำให้เรามีความยึดติดกับอดีต และส่งผลต่อนาคตอย่างแน่นอน.

ทำให้ดีที่สุด คือการกระทำที่เรามั่นใจว่า ณ เวลานี้เรามีความรู้ ความคิดแค่ไหน มั่นใจ และเลือกทางเดินนี้เลย ไม่ต้องสนใจว่าใครจะคิดอย่างไรกับเรา ให้คิดว่านี่แหละการกระทำนี้ ถึงแม้ผลจะออกมาดีหรือแย่ก็ไม่สำคัญ เพราะ “เราทำดีที่สุดแล้ว” ก็ในเมื่อสิ่งที่จะตัดสินเราว่าถูกต้อง หรือไม่ถูกต้อง ไม่ได้เกิดจากสังคมภายนอกเป็นปัจจัย แต่กลับกลายเป็นว่า สิ่งที่จะตัดสินเราได้ดีที่สุดคือ ‘การกระทำ’ ของตัวเราเองมากกว่า.

เราฟังจากคนอื่นเพื่อจะนำมาเป็นแนวคิด เพื่อต่อยอดความรู้ที่มีอยู่ในตัวเอง แต่ไม่ใช่ว่านำความคิดของคนอื่นมาเพื่อลบล้างความเชื่อเดิม แล้วตอนไหนเราถึงจะคิดว่า “นี่เราทำดีที่สุดแล้วนะ” ก็เพราะจุดที่จะบอกว่า ‘ดีที่สุด’ มันไม่มีอยู่จริง ๆ ยังไงล่ะ มันคือความรู้สึกล้วน ๆ เหตุผลก็ไม่สามารถอธิบายได้ แล้วยิ่งเราคิดว่าเราทำดีที่สุดแล้ว มันก็จะทำให้เรามั่นใจว่า “อย่างน้อยเวลาเรามองย้อนกลับมา เราก็จะไม่เสียใจก็แล้วกัน” เราสามารถตอบตัวเราเองได้ว่า “ณ เวลานั้น ทำดีที่สุดไปแล้วจริง ๆ นะ” แค่นั้นแหละที่ชีวิตต้องการ.

รวมถึงมีงานวิจัยนึงที่จะให้แบบสอบถามกับคนทั่วไปว่า “คุณคิดอย่างไรกับคนอื่นกับคำพูดที่ว่า คุณเชื่อไหมว่าทุกคนทำดีที่สุดในแบบของเขาแล้ว” คำตอบแบ่งออกเป็น 2 ฝั่งคือ ฝั่งที่คิดว่าคนเหล่านั้น ‘ทำเต็มที่แล้ว’ กับ ‘ยังทำได้ไม่เต็มที่’ และความน่าทึ่งของวิจัยนี้คือ คนที่มองว่าคนอื่นทำเต็มที่แล้วจะรู้สึกว่า “ไม่คาดหวังกับคนอื่นว่าจะต้องทำดีกว่านี้” มันคือการเคารพคนอื่นว่าเขาทำดีที่สุดแล้ว.

อ้างอิง
1. Brené Brown top tip: assume others are doing the best they can