เมื่อชีวิตไม่เคยมาบอกก่อนว่า อะไรจะเกิดขึ้นบ้างในอนาคตอันใกล้ แต่เราสามารถรับรู้ได้ว่า วันนี้เราเรียนรู้อะไรจากชีวิตได้บ้าง สิ่งหนึ่งที่เราจะเรียนรู้ได้นั่นก็คือ ความผิดพลาดต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นกับชีวิตของเรา เมื่อความผิดพลาดนั้นย้ำเตือนเราอย่างไม่หยุดหย่อน นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าเราควรจะเงี่ยหูฟังได้แล้ว ปัญหาในชีวิตจะค่อย ๆ หายไป เพราะเราเล็งเห็นถึงปัญหาที่แท้จริง นั่นคือความรู้อย่างนี้.
รู้อะไรไม่เท่ารู้อย่างนี้
เหตุการณ์ในชีวิตทุก ๆ แง่มุม กำลังมาบ่งชี้ว่าเราใช้ชีวิตเป็นอย่างไร คุณภาพของชีวิตคือส่วนหนึ่งที่เป็นตัวตัดสินว่าเรา เป็นคนที่มีคุณภาพหรือไม่ หากเราเป็นคนที่มีคุณภาพ เราก็มักจะตัดสินใจอย่างละเอียดรอบคอบ ไม่ได้ใช้ชีวิตแบบส่งเดชไปวัน ๆ แล้วการที่เราจะมีความสุขในชีวิตได้นั้น เราจะต้องเห็นค่าเฉลี่ยมวลรวมก่อนว่า ทุกครั้งที่เราเดินทางไปเราใช้อะไรเป็นมาตรวัดในการตัดสินใจทุก ๆ ครั้ง การเรียนรู้จะเกิดขึ้นไม่ได้ เพราะการเรียนรู้คือความผิดพลาดหลาย ๆ ครั้งกลั่นกรองมาเป็นผลึกของความรู้ แล้วการที่เราจะหยุดกระบวนการของความไม่รู้ เราจึงต้องทดลองหลายวิถีทางของชีวิต เช่น คำว่าลองดู ก็เป็นคำที่ต้องใช้ตลอดเวลา.
แล้วถ้าหากว่าเราติดกับดักในชีวิตนานวันเข้า เราจะไม่กล้าตัดสินใจทำอะไรสักอย่างเดียว เพราะเราจะติดกับคำว่า รู้อย่างนี้ไม่ทำแบบนี้หรอก หรือว่าถ้ามันเป็นแบบนี้รู้อย่างนี้จะทำแบบอื่นเสียดีกว่า ทุกสิ่งที่เป็นกระบวนการกระทำ มันมักจะแปรผันตรงกันกับความคิดของมนุษย์ทุกคน การเน้นย้ำตัวเองว่าผิดพลาดได้ แต่อย่าผิดพลาดแล้วไม่เรียนรู้กับมัน การติดปากที่จะพูดว่ารู้อย่างนี้ เป็นคำพูดที่ไม่ค่อยจรรโลงใจสักเท่าไร เพราะมันเป็นคำที่คนพูดส่วนใหญ่ มักจะหลงลืมสิ่งที่สำคัญที่สุดว่า ทุกการตัดสินใจย่อมมีผลลัพธ์ที่แตกต่างกันอยู่แล้ว เราไม่สามารถไปเปลี่ยนแปลงอะไรได้ นอกเสียจากทำมันให้ดีที่สุดทุกครั้งที่ตัดสินใจ.
กล้าที่จะตัดสินใจ
มองอีกมุมหนึ่ง มันคือการที่เรารับรู้แล้วว่า ทางเลือกของชีวิตมักจะมีจุดเปลี่ยนเสมอมา แล้วถ้าเราไม่ยอมที่จะเลือกสรรว่าทางเดินนี้เป็นอย่างไร มันก็จะส่งผลให้เราไม่สามารถใช้ชีวิตอย่างสุขสมบูรณ์ได้จริง เพียงเพราะเรามองย้อนกลับมา แล้วเราไม่เคยภาคภูมิใจเลยว่า เราก็เป็นมนุษย์ธรรมดาคนหนึ่งที่ล้มเหลวได้ ผิดพลาดได้ ไม่ใช่ว่าเราจะต้องรู้และเข้าใจทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกใบนี้ มันเป็นวันที่เรากล้าที่จะบอกกับตัวเองว่า ไม่ต้องรู้ทุกเรื่องบนโลกใบนี้ รู้เพียงแค่ตัวเราเองพอ กล้าที่จะตัดสินใจเลือกเดินในชีวิตนี้ เพราะชีวิตมันก็คือส่วนหนึ่งของการเรียนรู้ ไม่มีความผิดพลาดใด ที่สลักสำคัญไปกว่าการกลับมาทบทวนว่า เราได้อะไรจากเหตุการณ์ในครั้งนี้.
บทเรียนในชีวิตได้เริ่มต้นขึ้นเมื่อเรากล้าที่จะตัดสินใจ หากเราไม่ลองตัดสินใจอะไรสักทาง ชีวิตเราก็จะไม่ถูกขับเคลื่อนไปข้างหน้า เมื่อชีวิตไม่ถูกขับเคลื่อนไป เราก็จะไม่ได้อะไรจากการตัดสินใจนั้น ๆ นี่จึงเป็นเหตุผลว่า ทำไมเราจึงต้องเคยรู้สึกว่ารู้อย่างนี้กันอยู่เสมอ แล้วมันเป็นเรื่องธรรมชาติมาก ๆ ที่เราจะรู้สึกแบบนี้กันทั้งชีวิต แค่การที่เราคิดแบบนี้ รู้สึกแบบนี้ แต่เราไม่จำเป็นจะต้องคล้อยตามอารมณ์ของตัวเองไปก็ได้ ให้คิดเสียว่ามันเป็นเพียงแค่อารมณ์หนึ่ง ความคิดหนึ่งที่จรเข้ามายังชีวิตของเรา แล้วมันจะเป็นจุดที่เราเริ่มน้อมรับความจริงข้อหนึ่งว่า ไม่มีอะไรที่จะขวางกั้นการตัดสินใจของเราได้ นอกจากตัวของเราเอง.
ทุกการตัดสินใจมีผลลัพธ์ที่ใกล้เคียงกัน
หากเรามองกันให้ดี ๆ เราก็จะพบว่า ถึงแม้เราจะตัดสินใจเลือกทางเดินมากมาย แต่ทุกการตัดสินใจนี้จะมีเหตุที่ใกล้เคียงกันตลอด ไม่ว่าจะเป็นจากประสบการณ์ในอดีต จากสิ่งที่เรารับรู้และมีข้อมูลมา หรือเหตุผลประกอบอื่น ๆ มากมายที่หล่อหลอมให้เรากลายมาเป็นเราในทุกวันนี้ นั่นจึงเป็นเหตุผลในชีวิตที่ว่า เราจะใช้ชีวิตอย่างไรก็ล้วนแต่นำมาซึ่งผลลัพธ์ที่ใกล้เคียงกันอยู่ดี หลายครั้งเราจึงวิตกกังวลไปว่า สิ่งที่เราทำในวันนี้มันคงไม่มีผลอะไรมากในอนาคต ซึ่งสิ่งนี้เป็นความคิดที่ค่อนข้างสุดโต่งไปในจุดที่เรียกว่า หย่อนเกินไป ส่วนคนที่คิดว่าสิ่งที่เราทำในวันนี้จะส่งผลต่อทุกสิ่งอย่างในอนาคตทั้งหมดเลย จุดนี้ก็จึงเป็นจุดที่ ตึงเกินไปเช่นกัน.
เมื่อความพอดีปรากฏเห็นเด่นชัดขึ้น นั่นก็คือความหมายของชีวิตจะเป็นตัวกำหนดว่า เราจะเลือกตัดสินใจแบบไหน กรอบของชีวิตจะเริ่มแคบลง เพราะเราเล็งเห็นแล้วว่าการตัดสินใจเพียงหนึ่งครั้ง ก็ล้วนส่งผลต่อชีวิตมวลรวมของเรา แต่แน่นอนว่าต่อให้เราตัดสินใจให้เฉียบขาดสักเพียงใด ชีวิตเฉลี่ยของเราก็จะมีความคล้ายเดิมอยู่ดี นั่นจึงเป็นเหตุผลว่า ความรู้อย่างนี้ไม่สามารถส่งผลให้ชีวิตดีขึ้นหรือแย่ลงได้ แต่การติดกับดักคำว่ารู้อย่างนี้ไม่ทำแบบนี้ดีกว่า นั่นจะส่งผลเสียมากกว่าอย่างเห็นได้ชัดเลย ณ วันนี้จะเป็นวันที่เราต้องมีสติว่า อย่าไปกังวลว่าจะมีอะไรแย่ไปกว่านี้ ไม่ต้องรับรู้เหตุการณ์ในอนาคต แค่เพียงมีสติในชีวิตประจำวันก็พอแล้ว.
เคารพการตัดสินใจของตัวเอง
ทุกการตัดสินใจย่อมมีผลลัพธ์ที่แตกต่างกัน ถึงแม้จะใกล้เคียงแต่ก็ไม่ได้เหมือนกันไปทั้งหมด เราจึงจำเป็นจะต้องพัฒนาตนเองในแง่มุมที่ว่า ทุกการตัดสินใจของเราล้วนแต่เกิดมาจากประสบการณ์ทั้งหมด ไม่จำเป็นจะต้องคิดว่าสิ่งที่เราทำในวันนี้มันจะเป็นสิ่งที่ไม่ดีที่สุดเสมอไป ถึงแม้เราจะตัดสินใจส่งเดช แต่อย่างน้อยนี่ก็คือชีวิตของเรา ความกังวลที่ดีที่สุด ควรจะกังวลไปในจุดที่ว่า เราจะทำอย่างไรให้ทุกครั้งที่เราตัดสินใจ เราจะกลับมาเคารพตัวเองที่เราตัดสินใจแบบนี้ลงไป ไม่ต้องก่นด่าตัวเองมาก ก็แค่ล้มลุกเรียนรู้กันไป สิ่งเหล่านี้ก็จะเป็นค่าเฉลี่ยของชีวิตที่ดีมากยิ่งขึ้น มองโลกด้วยสายตาที่เป็นมิตรมากกว่าเป็นศัตรูแค่นี้ก็ดีมากแล้ว.
เดินหน้าต่อไปในวันที่เรารู้สึกสิ้นขวัญและกำลังใจ มองภาพตัวเองที่กำลังโบยบินอยู่บนท้องฟ้า สิ่งที่ขวางกั้นมีเพียงแค่ตัวเราเท่านั้น ชีวิตก็ดำเนินไปแบบนี้เสมอมา การที่เรามีความคิดอยู่กับตัวเอง ก็ต้องใช้ความคิดอย่างชาญฉลาด ไม่ตัดพ้อตัวเองจนเกินพอดี และมองสิ่งต่าง ๆ ตามสิ่งที่มันเป็นไป ที่มีทั้งดีและไม่ดี อย่าลืมที่จะหาจุดก้าวกระโดดไปยังจุดที่ยากขึ้นกว่าเดิม บางครั้งมันอาจจะไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะทำได้อย่างที่ใจนึก แต่อย่างน้อยที่สุด เราก็ได้ลองพยายามแล้ว และทุกความพยายามไม่เคยสูญเปล่า แต่อย่างน้อยไม่มีใครรับรู้ เราก็รับรู้ หลังจากนี้เราจะไม่พูดคำว่ารู้อย่างนี้ แต่เปลี่ยนเป็นคำว่า ถ้าไม่รู้อย่างนี้เราก็คงไม่มีประสบการณ์ยิ่งขึ้นไปเลยนะ.