หากความรักเป็นสิ่งหนึ่งที่ล้ำค่า ทำไมมันจึงเป็นสิ่งที่เราทุกคนปรารถนาที่จะครอบครองมัน แล้วในความเป็นจริงของความรัก มันสามารถครอบครองได้จริง ๆ ไหม หรือมันเป็นเหมือนอากาศธาตุที่อยู่รายล้อมตัวเราตั้งแต่แรก เพียงแต่เราไม่มีดวงตาหรือจิตใจที่จะมองเห็น และสัมผัสถึงความรักนั้นได้เลย จุดเริ่มต้นคือการตามหาความรัก จุดจบก็คือการไม่พบเจอความรักนั่นเอง ณ วันนี้เราจะต้องเปลี่ยนทิศเรือให้หมุดหมายไปยังจุดหมายที่เราปรารถนาที่จะพบเจอ นั่นคือตัวของเราเอง.
รักคือการสร้าง
จุดเริ่มต้นของความรักนั้น เป็นสิ่งที่น่าพิศวงอย่างยิ่ง เราไม่สามารถเห็นตัวตนของความรัก จนกว่าเราจะรู้วิธีสร้างความรักนั้นขึ้นมาเอง โลกใบนี้เต็มไปด้วยคนที่กระหายที่จะมีความรัก แต่ผู้คนในโลกนี้กลับหารู้ไม่ว่า รักมิใช่สิ่งที่จะไปตามหา แต่เป็นการที่มันถูกสร้างขึ้นมาจากตัวของเราทุกคน ซึ่งไม่มีใครเป็นคนกำหนดว่าความรักนี้ จะต้องเป็นไปในรูปแบบใด หรือสมการไหน ที่จะสามารถให้ความรักนี้คงทนถาวร เพียงแต่โลกนี้จะทำหน้าที่ เป็นเบ้าหลอมให้กับตัวของเราเอง เพื่อที่ให้เรียนรู้จักความรัก ซึ่งจะเป็นส่วนต่อขยายของการรักตัวเองอย่างแท้จริง เมื่อเรารักตัวเองเป็น เราก็จะรักคนอื่นเป็น จงอย่าหลงลืมที่จะหันกลับมาที่ตัวเราเองเสมอ แล้วนี่จะไม่ใช่ความเห็นแก่ตัวอย่างเด็ดขาด.
ความเห็นแก่ตัว กับการรักตัวเองจึงมิใช่เป็นสิ่งเดียวกัน แต่มีความคล้ายคลึงกันจนแทบจะแยกกันไม่ออก เราจึงจะต้องสั่งสมปัญญาให้ละเอียดถี่ถ้วนสักหน่อย แล้วเราก็จะพบว่า ความเห็นแก่ตัวมันคือลักษณะของการเติมให้จิตใจเรานั้น พึงพอใจอยู่เสมอ แต่การรักตัวเองมันคือลักษณะของการสร้างความรักให้แก่ตัวเอง เปรียบเสมือนการเห็นแก่ตัวจำเป็นจะต้องมีคนมารักเรา มาทำให้เรา เท่านั้นถึงจะมีความสุข แต่คนที่รักตัวเองนั้นไม่จำเป็นจะต้องหาใครเป็นเครื่องมือ หรือว่าตัวแทนของความสุขนั้น ๆ อีกต่อไป นี่คือความแตกต่างที่ดูเหมือนว่าจะทำกันได้โดยง่าย แต่ก็เป็นสิ่งที่ทำได้ยากยิ่ง เพราะสิ่งที่ยากของการรักตัวเองนั่นก็คือความเหงา ที่จะมาเป็นตัวทำลายช่วงเวลาที่สำคัญไป.
รักมิใช่การตามหา
ยิ่งไล่ล่า ยิ่งห่างไกล ยิ่งตามหา ยิ่งไม่เจอ หากเราลองสังเกตกันสักหน่อย เราก็จะพบว่าความรัก ก็มีความคล้ายคลึงกันกับความสุข เพราะมันไม่เรื่องของการถามว่า ที่ไหน แต่มันต้องถามว่า อย่างไรเสียมากกว่า เมื่อจิตใจของเราคุ้นชินไปกับการออกตามหา จนเราลืมใส่ใจไปว่า การตามหาเป็นสิ่งที่เสียเวลามากกว่าการสร้างมันขึ้นมาเองเสียด้วยซ้ำ ทว่า เรามัวแต่ไปตามหาสิ่งที่ต้องสร้างขึ้นมาเอง เพราะรูปแบบลักษณะของความรักมันเป็นปัจเจก บางคนก็ว่ามีเวลาให้คือความรัก บางคนก็ว่าการมีของขวัญในวันสำคัญคือความรัก สิ่งเหล่านี้จึงมิใช่เป็นตัวกำหนดอย่างแท้จริง ว่าความรักนั้นคืออะไร การตามหาจึงมิใช่ทางออกอย่างแน่นอน.
ความสุขของชีวิต จึงมิได้ประกอบไปด้วยความรักเพียงอย่างเดียว มันจึงมีคุณสมบัติอันมากมายที่หล่อหลอมให้ชีวิตนั้นสุขสมบูรณ์ แล้วส่วนประกอบหลักของชีวิตนั่นก็คือ ความพึงพอใจในสิ่งที่ตัวเองมีอยู่แล้ว ณ ตอนนี้ กระนั้น ก็มีผู้คนมากมายหลงลืมสิ่งที่สำคัญที่สุดไป ไม่ว่าจะเป็นเวลาที่กำลังหมดสิ้นไปทุกเมื่อเชื่อวัน ความสัมพันธ์ของคนในครอบครัวที่กำลังจะจางหายไป รวมไปถึงบริบทของชีวิตเรา ที่มันจะค่อย ๆ ถูกปรับเปลี่ยนไปทีละเล็กทีละน้อย จนเราไม่ทันสังเกตเห็นว่า มันกำลังจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิง แล้วถ้าเราลองมองอีกมุมหนึ่ง ความรักก็คือความใส่ใจต่อโอกาสตรงหน้านี้ ไม่เพิกเฉย หรือละเลยมันอย่างไม่ไยดี.
รักจึงเป็นทางเลือก
ถ้าเรามองกันไปในส่วนเดียวว่า ถ้าเรามีความสัมพันธ์กับใคร คน ๆ นั้นจะต้องรักในสิ่งที่เราต้องการ นั่นจึงเป็นเหตุที่ทำให้เรามองว่าความรักจึงต้องเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ แล้วมันจะไม่ใช่อิสรภาพของความรักอย่างสิ่งที่มันควรจะเป็นไป บางคนก็อยู่ในครอบครัวเดียวกัน เขาก็รักอย่างสิ่งที่เขารัก มันไม่ใช่ว่าเขาจะรักเราอย่างที่เราต้องการเสมอไป นี่จึงเรียกว่ารัก แล้วจึงเป็นทางเลือกที่เราจะรักแบบไหน แต่แน่นอนว่าลักษณะของความรักจะต้องเป็นในรูปแบบเดียวกัน แต่กระนั้นเราจะไม่ไปบังคับใครว่าต้องส่งความรักแบบไหน เพราะว่ามันจะทำให้เราไม่สามารถรักตัวเราเองได้เลย การบังคับก็ย่อมเป็นเหมือนตัวขวางกั้นไม่ให้เราค้บพบสิ่งที่สำคัญ ที่เรียกว่าตัวของเราเอง.
สุขหรือทุกข์จึงเป็นความคลุมเครือของความรัก เพราะว่าความรักเป็นรูปแบบที่ตายตัวว่าเป็นแบบใด แต่ระหว่างทางของความรักนั้น จะมีทั้งสุขและทุกข์เป็นส่วนประกอบเข้าด้วยกันอยู่อย่างแนบสนิท มิอาจแยกออกจากกันได้ บางคนก็เลยคิดไปว่าความรักจะต้องเป็นแบบนั้นแบบนี้สิ เมื่อการเดินทางไกลปรากฏเห็นเด่นชัดขึ้น เราก็จะพบว่าความรักมิได้มีทางเดียว มันอาจจะมีทางให้เลือกเดินมากมายเหลือคณานับ เราจึงไม่ต้องสนใจรูปแบบของความรัก เพียงแต่เราต้องรู้จักความพอดีของมัน ไม่ใช่เป็นการไปเห็นแก่ตัว หลงลืมตัวเองที่จะไปบงการคนนั้นคนนี้ว่า ความรักคือการอยู่ด้วยกันทั้งชีวิต ความรักคือการไม่ทิ้งกันไปไหน หรือความรักจะต้องมอบทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อให้อีกคนพึงพอใจ.
รักที่จะมอบพื้นที่
ถ้าความรักที่ดีที่สุดในรูปแบบหนึ่งที่หลายคนมีโอกาสที่จะพึงพอใจ นั่นก็คือการมอบพื้นที่ให้กับอีกคน ๆ นึง เมื่อตอนที่เรามีเพื่อน เราก็จงให้เพื่อนได้ตัดสินใจด้วยตัวของตัวเอง เมื่อตอนที่เรามีคนรัก เราก็จงให้คนรักได้มีอำนาจในการเลือกทางเดินของชีวิต และเมื่อเรามีลูก เราก็จงให้ลูกได้ขบคิดว่าสิ่งใดควร หรือสิ่งใดไม่ควรด้วยตัวของเขาเอง ทั้งหมดทั้งมวลนี้จึงต้องผ่านการที่เราคอยดูแลอยู่ใกล้ ๆ เสมอ หากการละทิ้งและการบีบบังคับ จึงมิใช่เป็นการแสดงออกถึงความรักที่ดี กลับกัน ณ เวลานี้เราเริ่มที่จะมอบพื้นที่ให้กับคนข้าง ๆ เราแล้วหรือยัง หากยังไม่มอบพื้นที่ให้ มันเป็นเพราะอะไร เพราะความรักหรือเพราะความเห็นแก่ตัวของเราเองที่อยากจะให้ทุกสิ่งเป็นไปดังใจเรา.
วันนี้เป็นวันเริ่มต้นใหม่ของเราทุกคน แน่นอนว่าชีวิตมันไม่ใช่สิ่งที่ง่ายดายเลย ที่เราจะบอกว่าเราอยากจะให้พื้นที่นี้กับใคร เพราะเมื่อเราแบ่งพื้นที่เราให้กับคนอื่น เราก็จะสูญเสียเวลาและการเติบโตไป ทว่า มันเปลี่ยนบริบทของการเติบโต เป็นการเห็นผู้อื่นเติบโตเฉกเช่นเดียวกัน มิใช่เป็นการไปมองว่าชีวิตเราจะต้องโดดเด่นเหนือใคร แต่เป็นการเล็งเห็นสิ่งที่ล้ำค่าที่สุด นั่นคือการที่เราและเขาเติบโตไปอย่างพร้อมเพรียงกัน เมื่อเราล้ำหน้า ก็ชะลอให้อีกคนนั้นได้เดินตาม หรือเมื่อเราเดินตามไม่ทัน อีกคนหนึ่งที่เขามีความรักให้แก่เรา เขาก็ยอมชะลอให้กับเราเหมือนกัน เพื่อที่ให้เรานั้นเดินเคียงข้างต่อ ในวันที่เราทั้งสองคน จำเป็นที่จะต้องจับมือกันผ่านปัญหาต่าง ๆ นานาไป.