สิ่งหนึ่งในชีวิตที่เราควรจะมอง นั่นก็คือมองอย่างตรงไปตรงมา ไม่มีสิ่งใดเลยในชีวิตที่บ่งชี้ไปในจุดที่เรียกว่าการมองตรงไปตรงมาแล้วมันดูไร้เหตุผล แต่กลับกลายเป็นการมองแบบนี้ย่อมได้รับสิ่งที่สมควรได้รับเสียมากกว่า นั่นคือโอกาสที่คนอื่นมองข้ามไป หากเราลองสังเกตธรรมชาติรอบตัว ทุกสิ่งล้วนแต่มองอย่างสิ่งที่มันควรจะเป็นด้วยกันทั้งนั้น เสมือนว่าสิ่งหนึ่งเกิดมาเพื่ออีกสิ่งหนึ่ง แล้วเราก็มีหน้าที่เพียงแค่ใช้ชีวิตตามธรรมชาติของเราเท่านั้น.
เมื่อเรามองชีวิตอย่างสิ่งที่มันเป็น ทุกอย่างจะง่ายดายมากยิ่งขึ้น เช่น วันนี้เรามีความสามารถอะไรบ้าง แล้วเราปรารถนาที่จะเพิ่มความสามารถของเราไปยังแง่มุมใด จากคำถามไปสู่การค้นหาคำตอบ เราก็จะค้นพบว่าการเลือกมองอย่างตรงไปตรงมาย่อมได้รับประโยชน์ มากกว่ามองอย่างเฉไฉหรือหาข้ออ้างเพื่อตัวของเราเอง หลังจากนี้เราก็จะหาหนทางเพื่อตัวของเราเองเพิ่มเติมไป.
ความสัมพันธ์ที่ไปต่อไม่ได้ เราควรมองมันอย่างไร มองแบบตรง ๆ ไปเลยหรือว่าหาเหตุผลร้อยแปดเพื่อให้เราสบายใจ แล้วแบบไหนดีกว่ากัน ซึ่งคำตอบที่ได้ผลลัพธ์ที่ดีก็คือการมองแบบตรง ๆ ไปเลย มองอย่างเข้าใจว่าทุกสิ่งทุกอย่างถ้ามันถูกที่ถูกเวลา มันจะง่ายดายไปโดยปริยายไม่มีคำถามมากมาย ไม่มีอะไรให้เราต้องคิดเยอะแยะเต็มไปหมด หากเปรียบเทียบชีวิตเหมือนกล่อง เราก็คงต้องเลือกกล่องที่รู้คำตอบนั่นจึงเป็นทางออกที่ดีที่สุด.
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรก็ตามในชีวิต หนทางสู่ความเรียบง่ายก็คือมองสิ่งนั้นอย่างสิ่งที่มันเป็น แล้วทุกอย่างก็จะดำเนินต่อเนื่องอย่างสิ่งที่ควรจะเป็น ไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้นลอย ๆ หรือว่าโดยบังเอิญอย่างเด็ดขาด หน้าที่ของมนุษย์ทุกคนก็คืออย่าหยุดที่จะเรียนรู้ในชีวิตประจำวัน ถ้าเราคิดว่าการมองตรงไปตรงคือทางออก ก็อาจจะลองมองมุมกลับหรือว่ามองอ้อม ๆ ไว้เพื่อหาคำตอบได้มากขึ้น.
นับจากวันนี้ สังเกตสิ่งแวดล้อมรอบตัวให้มากยิ่งขึ้น สิ่งใดควรค่าแก่การใส่ใจก็ให้ใส่ใจสิ่งนั้นมากขึ้น เรื่องราวในชีวิตมาเป็นเพียงแค่แง่งามของจุดเล็ก ๆ ในของชีวิตเรา ความสลักสำคัญจะบังเกิดขึ้นได้ โดยที่ถ้าเราใส่ใจที่จะรับฟังเสียงเรียกของหัวใจ ท้ายที่สุดเราควรจะได้รับสิ่งที่สมควรได้รับ แล้วสิ่งนั้นคู่ควรแล้วสำหรับชีวิตของเรา.
เมื่อเรามองอย่างสิ่งที่มันเป็นไป มันก็ย่อมปรากฏเด่นชัดอย่างสิ่งที่ควรจะเป็นสืบไป
ศุภกิตติ์ กิติมหาคุณ