คำถามที่ว่า “มูลค่านั้นสัมพันธ์กับคุณค่าไหม” หรือว่า “สิ่งที่มีคุณค่าต้องมาจากสิ่งใดเป็นพื้นฐาน” เอาเข้าจริง ไม่มีใครให้คำตอบได้แน่ชัดระหว่าง คุณค่ากับมูลค่านั้นสิ่งใดสำคัญกว่า แต่ก็ต้องตั้งคำถามต่อยอดไปอีกว่า อะไรที่อยู่มั่นคงเป็นถาวรกว่า ก็คงตอบได้แน่ชัดว่าคุณค่าเป็นสิ่งที่ไม่สามารถแปรเปลี่ยนไปได้ ซึ่งไม่ว่าจะล่วงเลยไปนานสักแค่ไหน การหมุนเวียนเปลี่ยนไป ก็มิอาจบอกได้ว่าคุณค่าของสิ่งนี้จะลดน้อยลงไป มีแต่จะทำให้มูลค่ายิ่งสูงขึ้นเป็นทวีคูณเสียด้วย.
คุณค่านั้นเกิดจากสิ่งนั้นพัฒนาจนถึงขั้นสุดยอดจากตัวของมันเอง ไม่ว่าจะเป็นคนปั้นขึ้นมา หรือว่าธรรมชาติปรุงแต่งเอง โดยใช้วันเวลาเป็นตัวแปรหลัก ผสมเข้ากับอนุภาคที่เล็กที่สุด เช่น วินัย อดทน พยายาม และล้มเหลว หลอมรวมการเป็นผลึกต่าง ๆ คุณค่านั้นจะแปรผันตรงกับมูลค่า นั่นหมายความว่า “คุณค่าสูง มูลค่าย่อมสูงตาม คุณค่าน้อย มูลค่าย่อมน้อยตาม”.
การที่จะพิจารณาจาก ‘ต้นกำเนิดแท้’ เป็นสิ่งที่ควรคำนึงถึงก่อนเสมอ เพราะว่าการที่จะคำนึงถึงมูลค่าอาจจะทำให้โดนบิดเบือนไปตามกระแสของยุคสมัยได้ การจะสร้างคุณค่าในตนเองเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่งในยุคนี้ เนื่องจากคนส่วนมากใช้เวลาไปกับสิ่งยั่วยุมากมาย เช่น ของแบรนด์เนม ท่องเที่ยว หรือว่าการที่มีตำแหน่งหน้าที่การงานที่ดีย่อมไม่สามารถบอกจุดยืนของคุณค่าในชีวิตได้เลย.
นอกเสียจาก ‘กำหนด’ เป้าหมายที่แน่ชัดแล้วว่าชีวิตคือสิ่งใด และเราเกิดมาเพื่อสิ่งใด นั่นก็จะทำให้คุณค่าที่แท้จริงบังเกิดขึ้นในตัวของเราเอง การที่ยุคสมัยนั้นแปรผันไป ไม่ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้น หรือไม่เกิดขึ้นก็ตามย่อมมีอิทธิพลกับมูลค่า แต่หาได้มีอิทธิพลกับคุณค่าไม่ ตัวบ่งชี้ที่ให้เน้นการพัฒนาคุณค่าก็เพราะว่าการที่มุ่งเน้นไปที่เป้าหมาย เป็นสิ่งที่ต้องใช้เวลาอันยาวนาน เพื่อบ่มเพาะเมล็ดพันธุ์ที่ดีที่สุด แข็งแกร่งที่สุด และมีคุณธรรมที่สุด ย่อมต้องใช้ตัวแปรหลักก็คือ ‘เวลา’ เป็นสำคัญ.
บางคนอาจจะใช้เวลาทั้งชีวิต บางคนอาจจะใช้เวลาครึ่งชีวิตซึ่งไม่มีใครสามารถระบุได้แน่ชัด นอกเสียจาก ‘ปัญญาญาณ’ จะเป็นตัวบอกเองว่า “เราควรเดินไปทางไหนแล้วเดินไปเพื่ออะไร” คุณค่าที่แท้จริงจะอุบัติบนโลกใบนี้ สิ่งมีชีวิตก็ย่อมเบิกบานเฉกเช่นเดียวกับผู้ที่มีคุณค่าในตนเอง และคนที่เห็นคุณค่าในตัวเองเท่านั้นที่จะต่อยอดได้อย่างแท้จริง.
คุณค่าเกิดจากสิ่งภายใน ที่หลอมรวมกลายเป็นผลึก
ศุภกิตติ์ กิติมหาคุณ