#74 ความมั่งคั่ง

ความมั่งคั่ง

เมื่อความมั่งคั่งเป็นตัวจุดชนวนให้ชีวิตนั้นไปต่อได้ ซึ่งความมั่งคั่งนี้แตกต่างจากความร่ำรวย แต่มันก็เป็นญาติสนิทที่แทบจะไม่เคยห่างหายกันไปไกล หน้าที่ของมนุษย์ทุกคนก็คือ เรียนรู้จักเรื่องภาษี และเรียนรู้จักเรื่องความตาย การเงินเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต เราจึงหลีกเลี่ยงมันไปไม่ได้ แต่เราสามารถนำประสบการณ์ของผู้คนในอดีต นำมาปรับใช้และนำมาสู่ทักษะที่เราควรฝึกฝน เพื่อให้เรานั้นมีความรู้ทางการเงินอย่างถูกต้องและถูกหลักในการดำเนินชีวิตสืบไป.

ความร่ำรวย มิใช่ความมั่งคั่ง

หากว่าความร่ำรวยเป็นเพียงหนึ่งของบทย่อยอีกทีหนึ่งของความมั่งคั่ง แสดงว่าคนรวยไม่ใช่คนมั่งคั่ง แล้วความมั่งคั่งหมายถึงสิ่งใด มันอาจจะไม่ได้หมายถึงในรูปแบบของเงินตราอย่างเดียว แต่มันอาจจะหมายถึงสุขภาพร่างกาย รวมไปถึงจิตใจก็ได้ด้วยเช่นกัน ซึ่งในบริบทของชีวิตนั้นมีความหลากหลายอย่างยิ่ง แง่มุมหนึ่งอาจจะไปสะท้อนยังอีกแง่มุมหนึ่งได้ ถ้าเรารู้จักการเชื่อมโยงเข้าด้วยกัน วิถีชีวิตในวันนี้กำลังสอนเราให้เราเข้าใจถึงการเปลี่ยนแปลง ไม่ใช่ใครที่จะสามารถมั่งคั่งได้ แต่แน่นอนว่าทุกคนมีโอกาสร่ำรวย ซึ่งสองคำนี้จะมีนัยที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง มันจึงเป็นหน้าที่ของมนุษย์ทุกคนที่จำเป็นจะต้องแยกสองคำนี้ออกจากกัน.

ความอุดมสมบูรณ์ ไม่ว่าจะทั้งเบื้องต้น ท่ามกลาง และบั้นปลาย ก็ย่อมจะต้องเปี่ยมไปด้วยความมั่งคั่งอยู่เสมอ เหมือนว่ายุคสมัยนี้ คนเราชอบอวดร่ำอวดรวย มันจึงกลายเป็นค่านิยมทางสังคมกันไปว่า ถ้าสิ่งนั้นเขามี เราก็ต้องไปหาเพื่อให้มีเหมือนเขาบ้าง จนกลายเป็นเราเดินตามผู้คนโดยปราศจากการตระหนักรู้เชิงกว้างว่า บางทีความร่ำรวยอาจจะไม่ใช่เป็นเพียงแค่เงินทอง แต่มันคือสิ่งภายใน จิตใจ และจิตวิญญาณก็เป็นได้ แล้วการที่เรามองไปยังสังคมแวดล้อมที่คนส่วนใหญ่ เราก็จะค้นพบว่า คนส่วนใหญ่ไม่ได้มีความมั่งคั่งในจิตใจเสียด้วยซ้ำ แถมยังมีความอยากอันล้นมหาศาลที่ไม่มีทางจะเติมเต็มความปรารถนานั้นได้เลย.

มั่งคั่งเริ่มต้นที่จิตใจ

หนังสือหลายเล่ม มักจะอ้างอิงถึงบุคคลที่เปี่ยมไปด้วยความสามารถ แล้วก็แน่นอนเปี่ยมไปด้วยเงินทองอันมากมาย มีสิ่งหนึ่งที่ผู้คนที่มั่งคั่งมีเหมือนกันหมด ก็คือเขาเหล่านั้นมีจิตใจที่เป็นผู้ให้ การเป็นผู้ให้จึงเป็นต้นเหตุ สาเหตุ และต้นธารของทุกสรรพสิ่งที่เรากำลังจะพูดถึงกันอยู่นี้ หากไม่มีความมั่งคั่งที่จิตใจแล้วไซร้ เงินทองก็ไม่สามารถดึงดูดมายังที่จิตใจนั้น ๆ ได้เลย แม้ว่าความสุข ความสงบ และความร่มเย็น จะมาเป็นของแถมของคนที่มีความอิ่มใจนี้ แต่เขาเหล่านั้นก็ยังมองเป็นเพียงแค่กำไรของชีวิต เพราะจุดเริ่มต้นของชีวิตมันคือวันนี้ วันนี้เราได้ให้อะไรกับตัวเองบ้าง แล้ววันนี้เราเริ่มต้นที่จะให้อะไรกับผู้คนที่เรารักบ้างหรือยัง.

คำว่ายิ่งให้ยิ่งได้ เป็นคำที่เป็นจริงอย่างนั้น ประสบการณ์จะหล่อหลอมให้ผู้คนมีประสบการณ์ที่แตกต่างกันไปก็จริง แต่ในท้ายที่สุด ผู้คนจำนวนหนึ่งจะค้นพบว่า การให้มิใช่เป็นการเสียไป แต่มันคือการลงทุนเพื่อให้ได้มาของสิ่งที่เราปรารถนาสืบไป ความพอใจกับสิ่งที่มี หรือความไม่ทะยานอยากจนสูญเสียจิตวิญญาณที่ดีไป สิ่งเหล่านี้ล้วนบ่งชี้ว่า คนที่มั่งคั่งที่จิตใจเขามักจะตัดสินใจตามเหตุและผล มันคือการใช้สติสัมปชัญญะที่รู้ตัวทั่วพร้อมไปว่า ตัวเราเองนี้กำลังทำสิ่งใดอยู่ และผลลัพธ์ที่พึงได้รับ จะมีแนวโน้มไปยังทิศทางใดบ้าง มันคือทักษะของคนที่ตื่นรู้ แล้วพร้อมสอบทานตัวเองอยู่เนือง ๆ ดีก็ให้ทำต่อไป ไม่ดีก็ตัดมันทิ้งไปเสีย.

ผู้ให้ย่อมเป็นที่รัก

ถ้าวันนี้เราต้องการสิ่งใด จงให้สิ่งนั้นไปก่อน อย่าคิดว่าโลกใบนี้จะมีสิ่งใดรอเราอยู่ จงเริ่มต้นทำก่อนเป็นคนแรกเสมอ แล้วชีวิตก็จะมาบอกกับเราว่า ไม่ต้องรีรอในการมอบสิ่งที่ดีให้กับผู้คน แต่จงรีรอผลลัพธ์ที่จะเกิดขึ้นกับเรา หลายคนอาจจะทำสลับกันนี้ ก็คือมักจะรีรอในการมอบให้ แต่มักจะเร่งรัดในสิ่งที่จะเกิดขึ้นกับเรา ซึ่งมันเป็นกระบวนการที่ผิดไปโดยปริยาย เราทุกคนปรารถนาในสิ่งที่คล้ายกันก็คือ รักสุข เกลียดทุกข์ ไม่มีใครเลยบนโลกนี้ที่รักทุกข์ เกลียดสุข เราคลั่งไคล้ที่จะตามล่าหาความสุขกันอยู่ทุกวัน แต่ไม่มีวันใดเลยที่เราอยากจะประสบความทุกข์ แต่ทำไมชีวิตจึงเหมือนเล่นตลกกับเรา ก็เพราะชีวิตนั้นมักจะมอบความทุกข์ให้กับเราเสมอมา แต่กลับกลายเป็นความสุขนั้นเพิกเฉยที่จะมอบให้กับเรา.

ลองมองมุมกลับ ถ้าโลกนี้คือกระจก เรากำลังทำอะไรอยู่ ณ ตอนนี้ เรากำลังสร้างบางสิ่ง หรือเรากำลังรอบางอย่าง แน่นอนว่าขณะที่เรารอ เราก็กำลังสร้างอยู่ นั่นก็คือการสร้างสิ่งที่เรารอคอยต่อเนื่องไปเรื่อย ๆ แต่หากว่าเราเริ่มสร้างบางสิ่ง การรอคอยย่อมสัมฤทธิ์ผลได้ มันจึงเป็นคำถามที่ดีว่า วันนี้เราสร้างสิ่งใดอยู่ แล้วเรากำลังรอด้วยเหตุและผลหรือไม่ คนที่เป็นผู้ให้ เขาไม่เคยร้องขอสิ่งใด เพราะเขาเชื่อว่าชีวิตเขาไม่ต้องการสิ่งใดไปมากกว่า รอยยิ้มและความสุขของผู้คนรอบข้าง ก็เนื่องด้วยความสุขของคน ๆ หนึ่งเริ่มแปรผันตรงกันกับการมอบให้ เราจึงไม่พร่อง มันจึงเต็ม และมันก็จึงมีแจกจ่ายต่อไปนั่นเอง นี่คือกระบวนการสร้างที่สำคัญที่สุดของโลกใบนี้.

ทำตัวเองให้เหมาะสมกับความมั่งคั่ง

กฎของแรงดึงดูด ว่าด้วยเรื่องว่าเราทำสิ่งใด ย่อมได้สิ่งนั้น เหมือนกับเราปลูกต้นไม้แบบใด ก็ย่อมได้ร่มเงาแบบนั้น วันนี้เราสร้างอะไรที่ดีแล้วหรือยัง เรามีพื้นที่ กระเป๋า หรือตุ่มเก็บน้ำในวันที่เหตุการณ์มันโคจรมาเจอเราหรือไม่ หากว่าวันนี้เราไม่กระทำสิ่งใดให้เหมาะสมกับความปรารถนาของเรา วันหนึ่งเราก็จะไม่ได้รับสิ่งที่เราปรารถนาเลย เริ่มต้นทำบางสิ่งให้เหมาะสมกับสิ่ง ๆ นั้น ถ้าอยากเป็นเพชร จงทำตัวแบบเพชร ถ้าเราอยากเป็นถ่าน ก็จงทำตัวแบบถ่าน เราสามารถเลือกการกระทำของเราได้หมด มันขึ้นอยู่กับเราเองอย่าไปฟังเสียงของผู้คนรอบข้างมากจนเกินไป แต่จงนำคำที่มีประโยชน์มาปรับใช้กับชีวิตให้ได้มากที่สุด.

เงินทองเป็นของนอกกาย จะหาเมื่อไหร่ก็หาได้ เป็นคำพูดที่ยังคงใช้ได้อยู่ทุกวันนี้ เมื่อเราทุกคนสามารถมีความรู้ทางการเงินได้ เราจะเข้าใจดีว่า ชีวิตก็คือการลงทุน และการลงทุนก็คือชีวิต เราไม่สามารถหลีกเลี่ยงโจทย์นี้ของชีวิตไปได้เลย รับรู้ให้ได้ว่า ชีวิตต้องการอะไรแล้วเราก็ไปยังทางนั้นก็พอ ความมั่งคั่งเป็นศิลปะของชีวิต มันไม่ใช่ว่าต้องมีมากหรือน้อย มันอยู่ที่ว่าเรารู้จักที่จะพอตอนไหนเสียมากกว่า เมื่อไหร่ที่พอเป็น ก็มั่งคั่งได้แล้ว แสดงว่าทุกคนสามารถมั่งคั่งได้ มันอยู่ที่จิตใจมิใช่สิ่งอื่น รู้จักตัวเองให้ได้ดีที่สุด รู้ว่าตัวเองต้องการอะไร และไม่ต้องการอะไร ค้นหาสิ่งที่เราคิดว่าขาดแล้วมันสามารถเติมเต็มชีวิตได้ ส่วนสิ่งที่ขาดแล้วไม่สามารถเติมเต็มก็แค่ต้องปล่อยมันทิ้งไป.