ความสั้นของชีวิต

ความสั้นของชีวิต

เหตุการณ์บางเหตุการณ์มาย้ำเตือนเราว่า “ชีวิตนี้มันสั้นนัก” การที่เราจะใช้ชีวิตต่อจากนี้ไป เราก็ควรที่จะตระหนักรู้ว่า วันนึงเราอาจจะตายทั้ง ๆ ที่เรายังไม่ได้ทำเรื่องนั้นให้มันดีเลย เราปล่อยเวลาให้ล่วงเลยจนเราลืมไปว่า “อดีตไม่เคยหวนคืนกลับมา” ทุกอย่างล้วนผ่านพ้นไปเรื่อย ๆ.

1 เดือนที่ผ่านมาได้เข้าไปดูในเฟซบุ๊ก ปรากฏว่าเจอคนที่รู้จักเข้าโรงพยาบาลพอเข้าไปอ่านก็พบว่า สมองบางส่วนถูกกระทบกระเทือน มันมีผลทำให้ความทรงจำบางส่วนก็หายไปด้วย ผมก็เลยมีความรู้สึกว่า “แค่เวลาเพียงชั่วครู่ ก็อาจจะทำให้ชีวิตหลังจากนั้นเปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิง”

การที่มีความคิดนี้ทำให้ตระหนักรู้การใช้ชีวิตว่า “เวลามันสั้นกว่าที่คิดไว้เยอะมาก” บางคนถึงขั้นคิดว่า “ชีวิตนี้เป็นของยืนยาว” หรือบางทีก็คิดว่า “เราแข็งแรงขนาดนี้ไม่เป็นอะไรไปง่าย ๆ หรอก” แต่ชีวิตมันมาบอกเราเสมอว่า ‘ไม่มีอะไรแน่นอน’ การที่เราเรียนรู้บางสิ่งบางอย่าง มันสามารถทำให้เรามีความคิดรอบคอบมากขึ้น และเราก็จะใช้ชีวิตอย่างมีคุณค่าตามลำดับไปด้วย.

ล่าสุดครูประจำชั้นสมัยมัธยมก็ได้ทักมาในกลุ่มว่า “ครูไปตรวจร่างกายมา แล้วหมอแจ้งว่าครูเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่ระยะที่ 4” ด้วยความที่ผมก็เรียนกับคุณครูคนนี้ ไม่ว่าจะเป็นครูประจำชั้น รวมถึงครูประจำวิชาสังคม ผมก็มีทั้งไม่ชอบ และชอบในตัวคุณครูทุกคน แต่บางทีกาลเวลาได้ล่วงเลยไป แล้วกลับมีความรู้สึกว่าตอนนั้นครูยังแข็งแรงอยู่เลยนะ ทำไมตอนนี้เขากลับกลายเป็นมะเร็งระยะที่ 4 ไปแล้วล่ะ.

ความรู้สึกที่เราคิดว่า ครูจะต้องอยู่กับเราตลอดไป มันทำให้เราเข้าใจมากขึ้นไปอีกว่า การที่ใช้ชีวิตมันไม่ได้สำคัญเลยว่าจะยืนยาวแค่ไหน หรือจะใช้ชีวิตสั้นเพียงใด ขอให้ในระหว่างดำเนินชีวิตอยู่ก็ให้ประกอบด้วย ความดีให้สมบูรณ์พร้อม ไม่ว่าจะเป็นทั้งทางกาย วาจา และใจก็ตามแต่ ในวันนี้เราก็เพียงได้มานั่งคิดว่า อะไรที่ผ่านไปแล้วก็ขอให้มันผ่านไป ตอนนี้คุณครูคงต้องการกำลังใจมหาศาล อยากให้ลูกศิษย์ที่ถึงแม้ว่า จะไม่น่ารักบ้าง จะไม่ได้เชื่อฟังบ้าง เขาก็ย่อมรักในศิษย์ทุกคนอย่างละเท่า ๆ กันอยู่ดี ไม่ว่าจะยังไงผมเชื่อว่า ลูกศิษย์ก็จะยังคงรักคุณครูเสมอ เพราะการจะกลับไปมีครูประจำชั้นมันคงไม่ใช่ฐานะที่เป็นไปได้.

ทุกคนก็มีคนที่สำคัญเพียงคนเดียวทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็น ครูประจำชั้น พ่อ แม่ พี่ น้อง คนเหล่านี้ล้วนมาย้ำเตือนเราว่า “อย่าปล่อยเวลาให้สูญเปล่า จงรักษาเขาเอาไว้ให้ดีที่สุดโดยการปฏิบัติดีกับเขาให้มาก ๆ”.

ตอนนี้ทั้งสองเรื่องทุกคนยังดูปกติอยู่ แต่เวลาก็ยังคงต้องเดินต่อไปอย่างไม่ลดละเลิก ถ้ามีโอกาสในการใช้ชีวิตต่อไปก็ขอให้ระลึกเสมอว่า ไม่ว่าอายุเท่าไหร่ หน้าตาดีแค่ไหน ฐานะที่เป็นอยู่จะสุขสบายเพียงใด แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิตหาใช่สิ่งเหล่านี้ไม่ แต่กลับกลายเป็นว่าในห้วงเวลาที่เรายังคงมีชีวิตอยู่ เราได้สร้างสิ่งใด กระทำอะไร และช่วยเหลือใครไว้บ้างเสียมากกว่า.

การใช้ชีวิตอย่างมีคุณค่าแล้ว เรานั่นเองจะเป็นผู้ที่ไม่เสียใจในการใช้ชีวิต เราจะไม่อาลัยอาวรณ์กับอดีตที่มันผ่านพ้นมาแล้ว ก็เพราะเราได้กระทำสิ่งนั้นไปอย่างสุดความสามารถ โดยที่เราจะอยู่ หรือไปก็มีค่าเท่ากัน ไม่ว่าจะเรียนรู้กับชีวิตมามากมายเพียงใด สิ่งที่เราจะลืมไม่ได้เลยคือ “จงยังความไม่ประมาทให้ถึงพร้อม” ดั่งที่พระพุทธเจ้าได้ปัจฉิมโอวาทเอาไว้.