สิ่งหนึ่งที่เป็นอุปสรรคไม่แพ้กันกับความเศร้า คือความกลัว หลายคนคงจะเคยได้ยินคำว่า กลัวว่าทุกอย่างจะไม่เป็นอย่างที่คิดไว้ กลัวว่าเพื่อนคนนี้จะไม่ชอบเรา กลัวว่าแฟนจะไม่รักเราเหมือนเดิม กลัวว่าวันพรุ่งนี้จะแตกต่างไปกับวันนี้ ทั้งหมดทั้งมวลที่กล่าวมานี้รากฐานก็คือไม่กล้าพอเท่านั้นเอง.
ติดบ่วงแห่งมาร
มารไม่มีรูปร่างหน้าตาหรอก แต่ถ้าพินิจพิจารณาจริง ๆ ก็คงจะเป็นสิ่งที่ไม่ดีล่ะมั้ง ไม่ว่าจะเป็นอสูรเอย ปิศาจเอย หรือว่าผีเอย อะไรก็แล้วแต่ แต่เชื่อไหมเราทุกคนกลัวสิ่งที่มันลึกลับซับซ้อนไปกว่านั้นอีก เราไม่ใช่เพียงแค่กลัวสิ่งที่ไม่ดีเพียงอย่างเดียว แต่กลับกลัวการเริ่มต้น กลัวการเผชิญหน้า กลัวความล้มเหลว กลัวอุปสรรค กลัวว่าทุกสิ่งทุกอย่างจะพังทลายต่อหน้าต่อตาเรา ถ้าเป็นแบบนี้คงจะแย่แน่ ๆ เลย นี่แหละคือตัวจริงของมาร แปลว่าผู้ทำให้ตาย.
การติดอยู่กับที่ไม่ไปไหนทำให้ไม่สามารถจะบรรลุมรรคาที่แท้จริงได้เลย โดยเฉพาะการที่จะเข้าใจสิ่งที่มีอยู่จริงก็เนิ่นช้ากันไปใหญ่ แล้วก็ไม่มีอะไรน่ากลัวไปกว่าการที่เรากลัว “สิ่งที่คิดไปเอง” เช่น การไปกังวลในสิ่งที่ล่วงไปแล้วบ้าง และการกังวลถึงสิ่งที่ยังมาไม่ถึงเป็นต้น สุดท้ายแล้วการโดนกักขังทางความคิดเป็นด่านแรก ๆ ที่คนจำนวนมากผ่านไปไม่ได้ ก็เพราะกลัวที่จะเริ่ม กลัวที่จะเดิน กลัวที่จะกล้า กลัวทุกสิ่งอย่าง อุปสรรคแรกยังไม่ทันได้เริ่มไปไหน ก็ตายเสียแล้ว หนทางมีอยู่ไม่มากนักหรอกแต่ก็อยู่ที่เราจะลดความกลัวด้วยวิธีใด พัฒนาความกล้าด้วยสิ่งใด เพื่อหลุดพ้นจากบ่วงแห่งมารอันยาวนานนี้.
ประตูแห่งแสงสว่าง
การเริ่มต้นนั้นเป็นสิ่งที่สำคัญยิ่งสำหรับการกระทำ การเริ่มต้นที่จะเข้าใจความกลัว ยอมรับมันด้วยเหตุผลที่ว่า “ความกลัวเป็นเรื่องปกติ ไม่กลัวสิแปลก แต่การกลัวจนเกินไปนั้นจะทำให้เราไม่ไปไหน” การบอกตัวเองอยู่เนือง ๆ จะทำให้สามารถเพิ่มขีดจำกัดของตัวเองได้ เพิ่มความกล้าด้วยการมองการณ์ไกล แล้วสังเกตการณ์ให้กว้างที่สุดเท่าที่ทำได้ เปิดวิสัยทัศน์ที่มีมาแต่ต้นกำเนิด แล้วดูว่าทิศทางที่ควรไปนั้นควรจะไปทางไหน ไม่จำเป็นต้องรีบแสวงหามรรคา แต่อย่างน้อยก็ให้มั่นใจว่า “วันหนึ่งฉันจะต้องออกเดินทาง” แล้ววันนี้ก็จงเตรียมสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อการเดินทางนี้ซะ ไม่ว่าจะเป็นความอดทน ความพยายาม อุตสาหะ และวินัย จะทำให้สามารถยืดหยัดอยู่ในเส้นทางเดินนี้ได้ไม่ยาก.
บางทีชีวิตก็มีด่านทดสอบอะไรเข้ามาเสมอ เข้ามาเป็นบทเรียนให้แก่ชีวิตเพื่อประสบการณ์อันยิ่งใหญ่ ที่หาไม่ได้จากที่ไหนอีกแล้ว แสงสว่างไม่ได้อยู่ที่ต้นทางนะ แต่อยู่ที่ปลายทางนู่น มันรอเราอยู่ ขอให้เชื่อมั่น และศรัทธา แล้วก็บอกกับตัวเองในทุกวันว่า “กลัวว่าจะไม่กล้าย่อมดีกว่ากลัวที่จะกล้าเสมอ” แล้ววันนี้จะหมดไป วันพรุ่งนี้กำลังจะมาถึงวันเวลาไม่เคยหยุดรอใคร มีแต่ผู้กล้าเท่านั้นแหละ.
หนามยอกเอาหนามบ่ง
ถ้าเราใช้สิ่งเดียวกันให้เกิดประโยชน์ล่ะ แล้วนั่นก็เป็นหนทางที่ไม่เลวทีเดียว การกลัวอย่างถูกวิธีเรียกว่า หิริโอตตัปปะ แปลว่าความละอายใจต่อบาป และความเกรงกลัวต่อบาปที่ได้กระทำ ความหมายดังกล่าวได้สะท้อนถึงความกลัวที่ดีว่าการกลัวก็ไม่ได้หมายถึงสิ่งที่แย่เสมอไป ความกลัวด้วยเนื่องจากกลัวสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ มันก็ไม่ก่อเกิดประโยชน์อันใดแก่ตัวเอง แต่ถ้าความกลัวเนื่องด้วยจากกลัวสิ่งที่ไม่ดี กลัวบาปกลัวกรรมแล้วล่ะก็ สิ่งนั้นย่อมให้ความสุขในภายภาคหน้าอย่างแน่นอน.
การใช้สิ่งเดียวกันเพื่อละคลายย่อมสามารถทำได้ เป็นการใช้ประโยชน์ที่มันยังสถิตอยู่ในจิตใจอยู่ร่ำไป ถึงอย่างไรก็มีประโยชน์กว่าการที่ไม่สามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้เลย ซึ่งมันอาจจะหมายถึงว่าในโลกนี้ไม่ได้จำแนกว่าอะไรดี หรืออะไรไม่ดีไปซะส่วนเดียว แต่มันขึ้นอยู่กับตัวเราเอง “ว่าเราจะใช้สิ่งนั้นไปในทิศทางใด” เท่านั้นเอง การมีมีดโดยใช้งานไม่เป็น ไม่มีความรู้เรื่องการใช้มีดก็ไม่สามารถนำมีดให้ก่อเกิดประโยชน์ได้ฉันใด การมีความกลัวโดยไม่รู้เท่าทันความกลัวที่มี ก็ไม่สามารถนำความกลัวให้ก่อเกิดประโยชน์ได้ฉันนั้น การใช้ความกลัวเป็นแรงผลักดันในชีวิตก็ย่อมทำได้.
เพียงแค่เริ่มต้น
หนทางสู่แสงสว่างนั้นเพียงแค่เริ่มต้น เพราะมันเพิ่งแค่เปิดประตูให้เข้าไปมิใช่การจะหยิ่งผยองใจว่า “ฉันมาได้ขนาดนี้ฉันเก่งมากแล้วนะ” นั่นจะทำให้คุณประมาท และเปิดทางให้หลาย ๆ สิ่งยังคงเข้ามาก่อกวนอยู่ การบอกตัวเองว่าดีแล้ว เยี่ยมแล้ว พอแล้ว นั่นหมายถึงการยังไม่เก่งมากพอ คนเก่งจริงจะต้องไม่พูดว่า “ฉันเก่ง แต่จะพูดว่าฉันยังต้องมีหลายจุดที่พัฒนาอยู่ เพื่อตัวเองในอนาคตที่ดียิ่ง ๆ ขึ้นไป” ข้ามผ่านความกลัวไม่ใช่ง่าย แต่ก็เป็นเพียงการเริ่มต้นเท่านั้นเอง อุปสรรคขวากหนามของจริงกำลังจะเริ่มต้นขึ้น ณ บัดนี้ เหมือนชีวิตที่ผ่านความกลัวมา ก็เสมือนผ่านช่วงโฆษณาสั้น ๆ แล้วหนังจริงก็จะเริ่มฉาย ถ้าถามว่า “แล้วอยู่กับโฆษณา (ความกลัว) ต่อไปไม่ได้เหรอ” ก็ต้องขอตอบสั้น ๆ ว่า ‘ไม่ได้’ เพราะไม่มีชีวิตไหนที่ไม่ผ่านตรงจุดนี้ได้เลย.
ทุกคนล้วนแล้วแต่ต้องผ่านด่านแต่ละด่านมา เพื่อความสุขที่แท้จริง เพื่อไปถึงการละคลายสิ่งต่าง ๆ ให้มากที่สุดเท่าที่ทำได้ และต่อยอดไปยังจุดที่เรียกว่า ‘ผ่านพ้นซึ่งความทุกข์ที่มี’ ความจริงไม่น่ากลัวเท่าการไม่ยอมรับความจริงหรอกนะ ในวันที่มีคำถามมากมายที่ต้องการถามผู้อื่นรอบข้างว่าควรทำอย่างไร อยากให้ถามตัวเองว่า “พร้อมหรือยัง”.