การเห็นความสุขที่อยู่หลังความทุกข์

การเห็นความสุขที่อยู่หลังความทุกข์

♎ ราศีตุลย์ สำหรับคนเกิดวันที่ 24 กันยายน – 23 ตุลาคม (และการผูกดวงลัคนาเกิด)

1. ภายนอก (Five of Cups)

การตัดสินโดยขาดการไตร่ตรอง ก็นำมาซึ่งผลพวงของความผิดพลาด ทุกคนกำลังดูคุณอยู่ และตัดสินคุณไปแล้วว่าคุณเป็นคนที่ไม่มีความสุขในชีวิตเท่าที่ควร ซึ่งความเป็นจริงแล้ว มันก็มีส่วนถูก และก็มีส่วนผิด คุณไม่ใช่เป็นคนไม่มีความสุขในชีวิตนะ แต่เป็นคนที่ไม่มองเห็นในสิ่งที่มีเท่านั้นเอง ปัญหาส่วนใหญ่อยู่ภายในไม่ใช่ภายนอก ซึ่งคนอื่นมองยังไงก็ไม่สำคัญเท่า สุดท้ายแล้วอยู่ที่คุณมองตัวเองเป็นแบบไหนมากกว่า.

การที่คนอื่นมองคุณแบบนี้ คุณก็ควรจะพิจารณาสักนิดนึงว่า เพราะเหตุใด จึงมีคนมองเราแบบนี้ ทำไมทุกคนถึงคิดกับคุณว่าคุณเป็นคนไม่มีความสุขในชีวิต ตราบใดที่คุณไม่เคยตั้งคำถามแบบนี้ คุณก็จะไม่มีวันรู้จักตัวตนที่แท้จริง ว่าคุณเป็นคนเช่นไร คนรอบข้างเปรียบเสมือนกระจกบานใหญ่ให้คุณส่องตัวเองตั้งแต่หัวจรดเท้า ถึงแม้ว่าเราจะเอาแก่นสารจากมนุษย์ไม่ได้มาก แต่อย่างน้อย เสียงวิพากย์วิจารณ์ที่เราจะสามารถต่อยอดความคิดในแง่ดี ก็ยังหลงเหลืออยู่บ้างไม่มากก็น้อยไม่ใช่เหรอ.

2. ภายใน (Five of Wands)

ดั่งคำกล่าวที่ว่า “การรบที่ยากที่สุด คือการรบภายในใจตัวเอง” คนอื่นภายนอกตัดสินคุณค่อนข้างใกล้เคียงกับความเป็นจริงระดับหนึ่ง ซึ่งคุณก็ควรน้อมพิจารณาแล้วว่า ปัญหาที่แท้จริงอยู่ที่ไหนกันแน่ ถ้าปัญหาอยู่ที่ภายนอก เราแก้ไขมันจนเหนื่อย ไฉนความทุกข์ยังคงมีอยู่ล่ะ ในทางกลับกัน คุณเคยถามตัวเองไหมว่า ปัญหาที่แท้จริงอาจจะอยู่ภายในใจของคุณก็ได้ ถ้าเกิดคุณยิ่งแก้ไขสิ่งภายนอกรอบตัวคุณให้เป็นดังใจนึก ก็เกรงว่าจะเป็นบ้า หรือโรคประสาทเสียก่อน ที่จะให้ทุกอย่างเป็นไปตามปรารถนา เพราะสิ่งที่ควรแก้ไขคือ ‘แก้ไขตัวเอง’.

การขัดแย้งจะเกิดขึ้นเมื่อใครมีความคิดที่แตกต่างจากคุณ แล้วสิ่งที่คุณจะต้องพิจารณาต่อยอดไปก็คือ ทุกคนล้วนแล้วมีกรรมที่แตกต่างกันไป ไม่มีใครเลยที่จะคิดเหมือนกับเรา คนหนึ่งคนก็หนึ่งความคิด หนึ่งความเชื่อ หนึ่งเจตจำนง คุณไม่มีวันที่จะไปเปลี่ยนใครได้ นอกเสียจากคุณเริ่มที่จะเปลี่ยนแปลงตัวของคุณเอง ความวุ่นวายจะจางหายไป เมื่อคุณมีความสงบจากการบังคับทุกสิ่งทุกอย่าง.

3. สิ่งที่ควรแก้ไข (Wheel of Fortune)

โชคชะตานำพาความสำเร็จ ต่อเมื่อคุณได้สร้างเหตุปัจจัยที่ดีแล้วไซร้ การที่คุณจะแก้ไขโชคชะตาทางดีที่สุดก็คือ “การทำปัจจุบันให้ดีที่สุด” เพราะอดีตที่ผ่านพ้นไปแล้ว ก็ไม่สามารถแก้ไขมันได้อีก เหมือนสมุดโน๊ตบันทึกเรื่องราว มันได้จด และบันทึกไปแล้ว คุณจะไปนั่งนึกเสียใจมันก็เสียเวลาเปล่า อนาคตคุณก็แค่รับผลที่คุณกระทำมันก็แค่นั้นเอง ไม่ว่าคุณจะจดบันทึกเรื่องราวที่ดี หรือไม่ดี มันก็ขึ้นอยู่กับสิ่งที่คุณทำ คุณควรจะเข้าใจเหตุปัจจัยให้มากกว่านี้.

ในเมื่อเราอยู่บนโลกที่เต็มเปี่ยมไปด้วยเรื่องของเหตุและผล ไยคุณถึงพร่ำโทษแต่โลกใบนี้ว่าช่างโหดร้ายเพียงนี้ โลกไม่เคยทำร้ายใคร โลกให้ความยุติธรรม แต่การเกิดใหม่ทำให้คุณลืมเรื่องราวที่ผ่านมาทั้งหมด ซึ่งเป็นตัวลวงหลอกให้คุณติดอยู่ในบ่วงแห่งมารไปอีกนานแสนนาน การที่จะออกจากบ่วงนั้นได้มีแค่หนทางเดียวคือ “มีสติในการกระทำให้มากถึงมากที่สุด” เพราะคุณไม่สามารถแก้ไขมันได้อีกเลย.

4. สิ่งที่ควรพัฒนา (The Emperor)

ความเป็นใหญ่หาใช่ เงิน อำนาจ หรือว่าวาสนาไม่ แต่กลับเป็นเพียงนายของตัวเราเอง ทว่า การที่คุณต้องการอำนาจ คุณก็ควรจะมีอำนาจจริง ๆ ที่ไม่ใช่การสั่งการ การปกครอง หรือต้องมีอะไรมากมายเพื่อจะยืนหยัดว่าเรานั้นเก่ง คนเก่งจริงมักจะไม่ทับถมคนอื่น คนรวยจริงมักจะแบ่งปัน คนสวยจริงมักจะมีจิตใจที่งดงาม มนุษย์เรามองแค่เปลือกนอก ซึ่งเปลือกนอกเป็นแค่สิ่งที่ใคร ๆ ก็ฉาบทาเอาไว้ให้สวยงามได้เสมอ แต่ภายในนั้นไม่สามารถเอาอะไรมาฉาบทา หรือปกปิดมันได้เลย เพราะบุคคลนั้นยอมรู้แก่ใจดีอยู่แล้วว่า “ตัวเองมีคุณค่ามากแค่ไหน”.

การสร้างคุณค่าในตัวเองได้ ก็ต่อเมื่อคุณเข้าใจตัวเองจริง ๆ แล้วเท่านั้น เพราะคุณค่าไม่ได้อยู่ในสิ่งที่คุณ ‘ครอบครอง’ แต่คุณค่าอยู่ในสิ่งที่คุณ “กระทำมันลงไป” การพัฒนาของคุณจะต้องสำเร็จขึ้นสักวัน แต่มันก็อยู่ที่ว่าคุณพัฒนาความแข็งแกร่งของภายใน เพียงพอต่อผลที่คุณต้องการที่จะได้รับหรือไม่ แล้วอย่าลืมว่าการที่ขึ้นครองบัลลังก์นั้น ไม่ยากเท่าการรักษาบัลลังก์ เพราะทุกคนจะต้องการเป็นที่หนึ่งกันเสมอ.

5. บทสรุป (Nine of Cups)

ทุกสิ่งทุกอย่างไม่สามารถเสกสรรได้อย่างใจนึก ก็เป็นเพียงเพราะใจเราที่ไม่เคยพอใจกับอะไรสักอย่าง ความสุขนั้นอยู่ที่ใจจริง ๆ คุณจำเป็นต้องเลิกไขว่คว้าหาสิ่งนอกตัวได้แล้ว เพราะนั่นเป็นที่มาของคำว่า “วิ่งไล่ตามหาความสุข” ก็เพียงเพราะความสุขนั้นไม่ใช่สิ่งที่คุณจะไปวิ่งไล่จับได้ ความสุขนั้นคุณจะมองมันเห็นต่อเมื่อคุณ ‘หันหลัง’ มองมัน เพราะความสุขอยู่ข้างหลังความทุกข์เสมอ ความทุกข์ที่คุณเกลียดกลัวนักหนา วิ่งหนีกันไปก็ไม่มีทางรอด แต่มันก็คือความสุขที่วิ่งตามหาคุณเช่นเดียวกัน.

คุณอยู่เฉย ๆ แล้ววันหนึ่งคุณจะพบว่า “อ๋อ ความสุขมันอยู่ใกล้ ๆ ตัวเรานี่เอง” แล้วความสุขอยู่ในใจของคุณเอง เมื่อคุณตระหนักรู้แล้วว่าความจริงของสิ่งที่มี ไม่สำคัญเท่ากับสิ่งที่เราเห็น จงมีดวงตาเห็นธรรมมองสิ่งที่ถูกเป็นสิ่งที่ถูก และมองเห็นสิ่งที่ผิดเป็นสิ่งที่ผิด ดั่งคำกล่าวที่ว่า “มีเงินนับแสน ก็มิอาจเทียบเท่าปัญญาเพียงหนึ่ง”.