#22 ความเปลี่ยนแปลง

ความเปลี่ยนแปลง

บางครั้งชีวิตก็มาบอกกับเราว่า ไม่มีสิ่งใดไม่เปลี่ยนแปลงไป ทุกสิ่งนั้นล้วนเปลี่ยนแปลงทั้งสิ้น คำ ๆ นี้เจอกันบ่อย และแถมยังเป็นคำที่ใครหลายคน ก็ค่อนข้างกลัวมันพอสมควร เนื่องด้วยถ้า ณ ตอนนี้เรากำลังประสบพบเจอกับความสุข เราก็จะยิ่งไม่อยากให้มีการเปลี่ยนแปลงไป แต่ถ้าตอนนี้เรากำลังประสบพบเจอกับความทุกข์ เราก็จะยิ่งอยากให้ชีวิตมีการเปลี่ยนแปลงเร็วยิ่งขึ้นไปอีก บ้างก็รอคอยโชคชะตาให้ดียิ่งขึ้น บ้างก็ไปบนบานศาลกล่าว วิงวอนสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้ช่วยเหลือ แล้วอะไรเป็นเหตุให้เปลี่ยนแปลงไปล่ะ.

ถ้าไม่มีการเปลี่ยนแปลง เวลาทั้งหมดก็จะหยุดนิ่ง

เวลานั้นเป็นอนันต์ หมายถึงเวลานั้นไม่มีที่สิ้นสุด ไม่มีสิ่งใดหยุดเวลาไว้ได้ ทว่า เวลามีขึ้นได้เพราะมีการเกิดขึ้นมา ถ้าไม่มีการเกิดเวลาก็จะหยุดนิ่งไป เสมือนว่าไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้นมาอีกเลย โลกนี้เป็นที่อาศัยของสัตว์นานาชนิด รวมถึงต้นไม้ และแบคทีเรียก็เช่นกัน ทุกสิ่งอย่างหล่อหลอมขึ้นมาด้วยกันเพราะมีธาตุทั้งสี่เป็นตัวประกอบกันให้เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็น ดิน น้ำ ไฟ และลม ถ้าหากไม่มีธาตุทั้งสี่นี้ ก็ไม่มีสิ่งมีชีวิตเกิดขึ้นมาได้ มันเป็นสิ่งที่สำคัญมากที่สุดในโลกเลยก็ว่าได้ รวมถึงแสงอาทิตย์ก็จะทำให้ทุกสิ่งปรากฏเด่นชัดขึ้นมา ราวกับว่านี่คือสิ่งมีชีวิตที่เคลื่อนไหวได้ด้วยตัวของมันเอง.

ทว่า ในความเป็นจริงที่ยิ่งกว่าความจริง ไม่มีสิ่งใดขยับเขยื้อนแม้แต่สิ่งเดียว มีแต่ภายในจิตใจเรานั่นแหละที่ขยับเขยื้อนสั่นไหวอยู่ตลอดเวลา ภายนอกหาได้เปลี่ยนแปลงไปไม่ หากแต่ภายในนั้นเหมือนพายุโหมกระหน่ำอย่างมิขาดสาย สิ่งใดเล่าจะเปลี่ยนแปลงไปเท่ากับจิตเกิดดับแต่ละขณะ มีทั้งสิ่งเร้าภายใน รวมถึงภายนอกที่คอยยั่วยุให้เรานั้นขาดสติอยู่เป็นพัก ๆ หากเราไม่มีสติเพียงพอ เราก็จะโดนเวลากลืนกินไป ไม่สามารถหยุดเวลานี้ได้เลย หนทางของการไม่มีการเปลี่ยนแปลงก็คือทุกสิ่งต้องเป็นความเที่ยง และไม่มีสิ่งใดเที่ยงแท้สักอย่างเดียว ก็ยกเว้นพระนิพพานนั่นแลที่เรียกว่าเที่ยงแท้.

อย่าประมาทคิดว่าเวลานี้ยืนยาวนัก

หากคุณกำลังเป็นคนหนึ่ง ที่คิดว่าเวลานี้เป็นของยืนยาว คุณอาจจะกำลังคิดผิด เวลานี้จริง ๆ ไม่สั้นไม่ยาว แต่ถ้าพูดแบบมีเหตุผลคือเวลานี้สั้นนัก ถ้าเทียบกับระยะเวลาทั้งหมด หารด้วยความประมาท ก็จะเหลือไม่เท่าไร ลองมองดูง่าย ๆ ก็ได้ว่า ถ้าเวลานี้ยืนยาวจริง ทำไมเราถึงกลับมาเสียดายทุกครั้งที่เราไม่ได้ทำอย่างสิ่งที่ต้องการในอดีต แต่เรามักจะเสียใจกับสิ่งที่ล่วงไปแล้วอยู่เสมอ ไม่ว่าเราจะทำดีที่สุดแล้ว ณ ตอนนั้นก็ตาม หรือว่าโลกนี้กำลังลวงให้เราหลงอยู่ในวังวนแห่งการแก้ไขไปเรื่อย ๆ เพราะไม่มีวิธีใด หรือไม่มีหนทางใด ที่จะตอบโจทย์ในชีวิตได้ว่า นี่คือการกระทำที่สมบูรณ์ที่สุด.

คำว่าประมาทนี้ อาจจะหมายถึงการที่ทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งไปแล้ว คิดว่าสิ่งนั้นจะไม่เกิดผลในภายภาคหน้า หรือคิดว่าการกระทำนี้จะต้องได้ผลในภายหน้าอย่างแน่นอน ซึ่งทั้งสองสิ่งนี้ไม่ใช่สิ่งที่จะไปคาดการณ์เอาเองได้เลย อีกแง่มุมหนึ่งก็หมายถึง ให้ใช้สติสัมปชัญญะในการใช้ชีวิตให้มาก สิ่งใดหากผิดพลาดไปในอดีตแล้วไซร้ ก็จงนำมาขบคิดหาทางออกโดยใช้โยนิโสมนสิการ เพื่อให้เกิดกระบวนการตระหนักรู้ในชีวิต ผลอันต่อมาก็คือตกผลึกในเรื่องราวนั้น ๆ ชีวิตเป็นของสั้น อายุมนุษย์นั้นไม่ยืนยาว ถ้าตระหนักรู้อย่างนี้แล้ว ก็จะใช้ชีวิตโดยความไม่ประมาท.

คำว่าสายเกินไปมีจริงในโลกใบนี้

การแก้ไขย่อมได้ แต่ไม่ใช่ในตอนนี้ หากอยากจะแก้ไขตอนนี้ ก็จงยังความไม่ประมาทให้ถึงพร้อม ชีวิตเราก็จะไม่มีความผิดพลาดเลย หรือผิดพลาดน้อยที่สุด ถ้ามองเรื่องเวียนว่ายตายเกิดก็อาจจะไม่มีคำว่าสายเกินไปก็ได้ ก็เพราะเราหลงผิดไป ก็ไปภพภูมิที่จิตนั้นนำพาไป หลังจากนั้นก็ปรารถนากลับมาเกิดเป็นมนุษย์ต่อ พอเกิดแล้วก็ตั้งใจสะสมบุญบารมี เพื่อไม่ให้ต้องทนทุกข์ในทุคติภูมิอีก แล้วนี่ก็จะเป็นการแก้ไขในสิ่งที่ได้ทำไปแล้ว แต่มันอาจจะต้องกินเวลายาวนานพอสมควร เพราะแต่ละภพภูมิที่ไปอาศัยก็ใช่ว่าจะแค่วันสองวัน มันอาจจะกินเวลาถึงกัลป์ หรืออสงไขยก็เป็นไปได้หมด.

กลับมายังโลกปัจจุบันนี้ก่อน การพิจารณาถึงสิ่งที่ล่วงไปแล้ว ไม่ใช่ทางแก้ไข นั่นเรียกว่าสายเกินไป แต่หากว่ามันยังพอจะแก้ไขทันก็จงรีบแก้ไขซะ เดี๋ยวอะไร ๆ มันจะสายเกินไป คำว่ารีบทำ อาจจะไม่ใช่ให้รีบ ๆ เร่ง ๆ และขาดการพินิจพิจารณามัน แต่ถ้าเราเข้าใจแล้วว่า ให้รีบทำก่อนที่มันจะไม่สามารถทำมันได้อีก สุดท้ายแล้วถ้าหากถึงเวลาที่สายไปจริง ๆ ก็ควรจะต้องยอมรับมัน และเดินหน้าต่อไป เพราะถึงแม้เราจะไม่สามารถกลับไปแก้ไขได้ แต่อย่างน้อยก็เลือกที่จะทำให้มันดีที่สุดได้ไม่ใช่เหรอ พยายามให้สุดความสามารถ แล้วก็มองที่จุดหมายปลายทาง.

สิ่งที่หาได้ยากในโลก

สิ่งที่หาได้ยากในโลกนั้นมีทั้งหมด 3 สิ่ง ได้แก่ การเกิดมาเป็นมนุษย์ การที่พระพุทธเจ้าได้ตรัสรู้ และการได้พบพระสัทธรรม ทว่า หากการเปลี่ยนแปลงหามีไม่ การจะเกิดสิ่งที่หาได้ยากในโลกก็หาไม่เช่นเดียวกัน เราต้องใช้การเปลี่ยนแปลงนี่แหละ เป็นตัวขยายผลพลอยได้ให้กว้างที่สุดเท่าที่ทำได้ ใช้ให้เกิดประโยชน์สูงที่สุด โดยคำนึงสิ่งสำคัญเพียงสิ่งเดียวคือทางพ้นทุกข์ ถ้าไม่ใช้เพื่อการพ้นทุกข์ก็เกรงว่า การเปลี่ยนแปลงนี้จะไม่ยอมหยุดนิ่งเสียที ทั้งนี้ในการจะเข้าใจว่าการเปลี่ยนแปลงจะมีประโยชน์ ก็ต่อเมื่อได้ตระหนักรู้แล้วเท่านั้น ชีวิตที่ขาดการตระหนักรู้ความจริงก็เหมือนคนหลงทาง.

ทุกอย่างหมุนเวียนเปลี่ยนแปลงไป ตราบใดที่โลกยังหมุนเวียนอยู่อย่างนี้ คุณก็ย่อมเกิดขึ้นมา โทษก็ย่อมเกิดขึ้นได้ ฉันใดก็ฉันนั้น หากบุคคลที่มีปัญญาเท่านั้นแล ที่จะสามารถใช้การเปลี่ยนแปลงไปสู่คุณประโยชน์อย่างแท้จริง คำว่าตลอดไปไม่มีจริง ถ้ามีใครมาบอกก็จงอย่าเชื่อคำเหล่านั้น คำว่าไม่แน่นอนจึงจำเป็นต้องฝึกพูดเอาไว้ให้ติดปากอยู่เสมอ และหมั่นพูดกับตัวเอง หรือคนแวดล้อมให้เป็นประจำ เพื่อจะได้ไม่หลงลืมว่า ณ ตอนนี้ก็ไม่แน่นอนที่จะอยู่อย่างนี้ตลอดไป ทำวันนี้ให้ดีที่สุด มันคือหนทางเดียว ที่จะทำให้เมื่อเวลาล่วงเลยผ่านไปเราจะไม่มานั่งเสียใจ หรืออาลัยอาวรณ์กับสิ่งนั้นอีก.