คำถามของชีวิตที่เข้ามาย้ำเตือน เหมือนว่ามันคือสิ่งที่มนุษย์ทุกคนต้องมี ถ้าเราขาดสิ่งนี้เราก็จะไม่สามารถใช้ชีวิตต่อไปได้ นั่นก็คือเรื่องเงิน ๆ ทอง ๆ แล้วเมื่อเรื่องเงินทองเป็นของใกล้ตัวมากกว่าที่เราคิด เราจะค้นหาคำตอบกันอย่างไร บางทีชีวิตมันก็เหวี่ยงเราไปยังจุดที่เราไม่ค่อยจะเข้าใจมันสักเท่าไรนัก คล้ายกันกับว่าเราเกิดมาเพื่อตามล่าหาเงินทอง แล้วเราก็จากโลกนี้ไปอย่างไร้ซึ่งความหมายในชีวิตใด ๆ นอกเหนือไปจากเราเป็นคนที่ร่ำรวย และมีความมั่งคั่งอย่างยิ่ง แต่ในความรู้สึกที่บุคคลหนึ่งสามารถจะเอื้อมถึงได้ คงมิใช่คำว่าร่ำรวยหรือมั่งคั่ง แต่อาจจะเป็นการมีอิสรภาพทางการเงินอย่างแท้จริงนั้นหมายถึงอะไร.
พอถึงวัยหนึ่งเราก็จะเริ่มรับรู้การมีอยู่ของเงินในบัญชีเรา บางคนก็เริ่มนำไปเปรียบเทียบกับผู้คนอื่นในสังคม บ้างก็เปรียบเทียบกับญาติพี่น้อง รวมไปถึงก็คิดจะไปเปรียบเทียบกับเซียนหุ้น และเจ้าของบริษัทที่ประสบความสำเร็จอย่างมหาศาล ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว เงินในบัญชีไม่ได้สะท้อนความร่ำรวยใด ๆ แต่มันเป็นเพียงแค่กระแสเงินสดที่สามารถชำระหนี้ได้อย่างรวดเร็วเท่านั้นเอง ทว่า ลองมองอีกมุมหนึ่งก็มีผู้คนมากมายที่ยังขาดความรู้ทางการเงิน เขาเหล่านั้นมักจะตีความง่าย ๆ จากภาพลักษณ์ หรือรูปภาพเพียงไม่กี่รูปที่ลงในสื่อโซเชียลว่า ความร่ำรวยจะต้องประดับประดาไปด้วยของที่มีมูลค่าสูงเพียงอย่างเดียว.
แต่มีผู้คนจำนวนน้อยที่จะมองเห็นว่า ความมั่งคั่งที่แท้จริงมิอาจมองได้ด้วยตาเปล่า นั่นหมายความว่าคนที่มีความมั่งคั่งก็มีแนวโน้มที่จะมีอิสรภาพทางการเงิน แต่เขาเหล่านั้นก็ไม่ได้เปิดเผยความเคลื่อนไหวทางบัญชี หรือว่ามาโชว์ว่าพอร์ตหุ้นของเขามีเงินเท่าไหร่ นั่นจึงเป็นที่มาของคำว่าเราไม่สามารถรับรู้ได้เลยว่าใครมีเงินเท่าไหร่จริง ๆ จากการเห็นรูปภาพเพียงแค่ไม่กี่รูป ให้ลองเปลี่ยนการตั้งคำถามให้ถูกต้อง เช่น ถ้าคนที่เขามีอิสรภาพทางการเงินจริง ทำไมเขาถึงต้องมาอวดรวยกันด้วย ทำไมเขาไม่ไปใช้ชีวิตอย่างสิ่งที่ต้องการ หรือว่ามันอาจจะเป็นอุบายของคนที่พยายามจะเชิญชวนให้คนอื่นมาร่ำรวยไปกับเขา โดยมีทีท่าดูเหมือนว่ามีชีวิตที่ดี แต่พอได้ทักทายหรือพบปะพูดคุยกัน ก็พูดแต่เรื่องชวนลงทุนให้ผลตอบแทนสูง ๆ หรือว่าทำเสมือนว่ามีธุรกิจใหญ่โต แต่จริง ๆ ก็แค่เรียกแมงเม่าให้มาเข้ากองไฟเท่านั้นเอง.
สิ่งมีชีวิตบางประเภทต้องการให้เพศตรงข้าม หรือสัตว์ที่ถูกล่าติดกับดักก็จึงต้องมีการออกแบบ สีผิวหนังหรือสีขนให้แตกต่างจากสัตว์ทั่วไป เพื่อยั่วยวนให้เพศตรงข้ามถูกใจ เช่น นกยูงตัวผู้ที่มักจะมีการรำแพนหางให้กางออกมาเพื่อทำให้ตัวเมียมาสนใจ หรืองูบางประเภทที่มีสีสันสะดุดตาเพื่อจะบ่งชี้ว่ามันมีพิษมากกว่างูทั่วไป การบ่งชี้ของธรรมชาติก็เป็นการแสดงให้เห็นว่า การปรับตัวของสิ่งมีชีวิตเริ่มมาตั้งนานแล้ว ไม่ได้เพิ่งมาเริ่มในยุคสมัยนี้ บางทีเราก็ยั่วยวนเพื่อจะฆ่าแล้วนำมากิน บางทีเราก็ยั่วยวนเพื่อจะขยายเผ่าพันธุ์ แต่ในความเป็นจริงแล้ว สิ่งมีชีวิตยั่วยวนเพื่อให้ติดกับดักอย่างมีจุดประสงค์เสมอ ซึ่งเราจะต้องมานั่งคิดวิเคราะห์กันอีกทีว่า ทำไมคนเราจึงชอบอวดอิสรภาพทางการเงินกันเกือบทุกคน.
เมื่อเรามีชีวิตที่เราปรารถนา ทั้งเงินทอง เวลา และความสุข เราจะไปสนใจสิ่งใดอื่นกันทำไม เมื่อเวลาเรามีทุกสิ่งอย่างที่เป็นสิ่งภายนอกครบ นั่นก็แปลว่าเรายังขาดสิ่งภายในกันอยู่เยอะ ไม่ว่าจะเป็นการยอมรับ การชื่นชม และการให้ผู้คนมองเห็นแบบเดียวกับสิ่งที่เรามองเห็น หากมนุษย์นั้นไม่ได้มีการวิวัฒนาการมาไกลถึงเพียงนี้ เราก็คงได้แต่นั่งมองดูดวงดาวอยู่ตามหุบเขา แต่ในความเป็นจริงแล้วสิ่งมีชีวิตทุกสิ่งมีชีวิตย่อมมีเป้าประสงค์ที่คล้ายคลึงกัน นั่นก็คือความอยู่รอด คนที่มักจะอวดรวยก็มักจะไม่รวยจริง รวมไปถึงคนที่เงียบ ๆ ไม่ค่อยพูดเรื่องเงินทองในที่สาธารณะมากเกินควร ก็มักจะเป็นคนที่มีความร่ำรวยมากกว่า เสมือนว่าเราจะต้องมีคมในฝักหรือเพชรในตม เอาไว้ป้องกันอันตราย หากว่าเราเจอปัญหาชีวิตหนัก ๆ เราก็จะสามารถรักษาชีวิตให้รอดพ้นผ่านไปได้.
แสดงว่าการที่เรามีเงินทองมากมาย ก็ไม่ได้แปลว่าเรามีอิสรภาพทางการเงิน รวมไปถึงการที่เรามีอิสรภาพทางการเงินก็ไม่ได้แปลว่า เราต้องอวดรวย คล้ายกันกับว่าคำว่าอิสรภาพที่แท้จริงคือ เราจะไม่ใช้เงินเป็นเครื่องมือของการอวดอ้าง การสร้างภาพ หรือการทำให้ดูเหมือนว่ามันคือสิ่งที่ต้องมี แต่มันกลับกลายเป็นว่า เงินคือเครื่องมือของการชำระหนี้สิน ปลดพันธนาการต่าง ๆ ของชีวิตที่เราร้อยรัดมันมา หรือเรานำมันมาใช้ดำรงชีวิตเฉกเช่นเดียวกับสิ่งมีชีวิตทั่วไปคือ การมีชีวิตอยู่รอดก็เท่านั้นเอง นัยของเงินทองนั้นจึงไม่ได้มีความสลักสำคัญต่อชีวิตมากนัก มันเป็นเพียงแค่กระดาษที่มนุษย์นั้นประดิษฐ์ขึ้นมาเพื่อใช้แลกเปลี่ยน และมันเป็นแค่สัญลักษณ์ที่เราเชื่อกันไปว่ามันคือสิ่งที่มีความหมาย หากแต่เพียงคุณค่าของมันไม่ได้เกิดจากตัวของมันเอง แต่มันอยู่ที่เราให้ค่าอย่างไรกับมันเสียมากกว่า.
ดังโบราณที่ได้กล่าวไว้ว่า เงินทองเป็นของนอกกาย ไม่ตายก็หาใหม่ได้ นี่จึงเป็นความหมายที่แฝงไปด้วยมุมมองของคนเขียน เมื่อเงินทองมิใช่เป็นสิ่งที่ควรเอามาเป็นแก่นของชีวิต เราจึงต้องเข้าใจว่าเราได้หาเงินเพื่อมากินมาใช้ นี่คือสาระสำคัญของเงินทอง มิใช่เป็นการที่หาเงินมาเพื่อพอกพูน และเอามาเป็นเครื่องประดับของชีวิต จนหลงลืมส่วนที่สำคัญที่สุดไป แล้วคำว่าไม่ตายก็หาใหม่ได้ แปลว่าเมื่อถึงเวลาจวนตัว เราอาจจะต้องสูญสิ้นเนื้อประดาตัวไปทั้งหมด เราก็ยังพอมีความรู้ทางการเงินที่สะสมมา แถมก็ยังสามารถนำมันมาหาเลี้ยงชีพได้อยู่ดี มันจึงเป็นวลีที่เปี่ยมไปด้วยความเข้าใจอิสรภาพทางการเงินอย่างแท้จริงได้ว่า หาเงินอย่างพอดี สมมาตรกับชีวิตที่ได้ออกแบบไว้ ถ้าวันหนึ่งมันหมดไปก็อย่าลืมที่จะหันมาทำมาหากินบ้าง.
เราเป็นทาสเงิน หรือเงินเป็นทาสเรา ถ้าเราเป็นนายมันจริง ๆ เราต้องบริหาร จัดการ และควบคุมการเงินของเราให้ได้ แต่ถ้าวันใดวันหนึ่งเราใช้เงินเกินตัว แล้วเราเริ่มที่จะต้องไปหยิบยืม หรือกู้หนี้ยืมสินคนอื่นเขา นั่นก็หมายความว่าเงินเริ่มได้คืบคลานเป็นนายเราเข้าไปทุกทีแล้ว มองเห็นชีวิตอย่างสิ่งที่มันเป็นไป ไม่ใช่มองชีวิตอย่างสิ่งที่เราอยากให้มันเป็น จนทำให้ชีวิตเราสูญสิ้นไปเพียงเพราะความโลภ ความอยากได้ใคร่มีอย่างที่ไม่มีวันสิ้นสุด เนื่องจากชีวิตไม่เคยมาทำร้ายเรา นอกเสียจากเราจะทำร้ายตัวเราเอง ด้วยเงินของเราเอง หลังจากนี้ให้เริ่มเรียนรู้ที่จะเข้าใจว่าเงินทองมิใช่ทุกสิ่งทุกอย่าง ถึงแม้ว่าเงินทองจะมีความหมายมากต่อการดำรงชีวิตอยู่ แต่มันไม่สามารถทดแทน ความสัมพันธ์ที่ดี ความสุขในระยะยาว รวมไปถึงเวลาที่เราสูญเสียไปอย่างใช่เหตุได้เลย.
คำนิยามของอิสรภาพทางการเงินนั้นไม่ได้ซับซ้อนอะไรมากมาย มันเป็นเพียงคำง่าย ๆ ที่ทุกคนสามารถรักษามันไว้กับตัวเองได้ แค่เพียงรู้จักทำมาหากิน อดออมตามสมควร และอย่าลืมนำเงินนี้ไปลงทุนในสินทรัพย์ที่สร้างกระแสเงินสดระหว่างทางที่เราวางเงินลงทุนเอาไว้ พร้อมกับเมื่อเรามีรายได้จากสินทรัพย์เกินกว่ารายจ่ายเฉลี่ยต่อเดือน เพียงแค่นี้เราก็จะมีอิสรภาพทางการเงินแล้ว ฟังดูเหมือนง่ายแต่มันยากเอาการเลย กระนั้น สิ่งที่สำคัญที่สุดเหนือสิ่งอื่นใด อย่าหลงเชื่อคำพูดของคน การอวดรวยเป็นแค่ส่วนหนึ่งของการแสดง มิใช่ความเป็นจริงของชีวิตทั้งหมด เพราะทุกครั้งที่มีโฆษณาก็จะมีตัวอักษรวิ่งด้านล่างเสมอว่า โปรดใช้วิจารณญาณในการรับชม ภาพดังกล่าวเป็นไปเพื่อการโฆษณาเท่านั้น.