คงจะมีหลายคน ที่กำลังอยู่ในห้วงแห่งความรัก และในขณะเดียวกัน ก็อยู่อย่างโดดเดี่ยวเดียวดายในห้องแคบ ๆ แค่คนเดียว.
ทุกวันคือวันแห่งความรัก ไม่มีวันใดที่เราไม่เคยไม่อยากมีความรักกันสักที.
แล้วความรักคืออะไรล่ะ? มีคนบางคนที่สงสัยใคร่รู้ แล้วความหลงคืออะไรล่ะ? มีบางคนที่ต้องการคำตอบ.
ผมจะเขียนแยกเป็น 2 ส่วน คือ 1. ส่วนรัก 2. ส่วนหลง บางทีก็แยกออกมายาก แต่ก็จะพยายามอธิบายให้เข้าใจง่ายที่สุดก็แล้วกัน.
ส่วนรัก
1. ชิ้นส่วนแห่งรักยากที่จะพบเจอ และก็ยากที่จะตามไขว่คว้ามันมา มันเป็นส่วนที่มีอยู่ภายในตัวเราทุกคน ไม่มียกเว้นใครคนใดคนหนึ่ง การจะตามหาไม่ใช่ฐานะที่พึงทำได้ การรอคอยก็ไม่ใช่ฐานะที่พึงทำได้เช่นกัน สิ่งที่ทำได้คือเริ่มที่จะ ‘เติมเต็ม’ ความรักให้กับตัวเราเอง โดยการมอบสิ่งที่ดี และรู้ว่าอะไรเป็นสิ่งที่ต่อยอดชีวิตเราได้ โดยไม่อิงอาศัยการตั้งค่าของชีวิตให้มากนัก.
2. รักคือการ ‘ให้’ ให้สิ่งที่ดีกับคนรัก ให้สิ่งที่ไม่มีใครสามารถให้ได้อีกแล้ว การให้ในที่นี้ไม่ใช่ให้เขามาทำร้ายเรา หรือให้เขามานอกใจกับเราแต่กลับกลายเป็นให้ ‘โอกาส’ ให้เขาได้แก้ตัวในสิ่งที่ผิดพลาดไป ให้เขาได้ปรับเปลี่ยนความคิด พฤติกรรม ที่ส่งผลให้ความสัมพันธ์มันแย่ลงเป็นดีขึ้นให้ได้ โดยต้องให้จริงไม่ใช่พอถึงเวลาก็ยังติดค้างอยู่ในใจ.
3. ถ้ายังไม่สามารถ ‘เติมเต็ม’ ให้กับตัวเราเองได้ ก็จะไม่สามารถ ‘เติมเต็ม’ ให้กับคนรักได้เช่นกัน พอเรารักตัวเองเป็นก็จะรักคนอื่นเป็น ฉันใดก็ฉันนั้น มันจะเข้าหลักสูตรที่ว่า “ถ้าเราต้องการความรัก มันคือเรากำลังขาดความรักอยู่” แล้วในเมื่อเราขาดความรัก “คุณจะโหยหาซึ่งความรัก” แล้วปัญหาจะเริ่มตามมาอย่างใหญ่หลวง ไม่สามารถเติมเต็มความรักด้วยการให้คนอื่นมาเติมได้เด็ดขาด.
4. ความรักที่ดีต้องปราศจากความหลงรัก ซึ่งมันก็คล้ายกันกับการที่เรายังมองเห็นอะไรไม่ชัดเจน ก็ทึกทักกันเอาว่า “นี่ ๆ ฉันเจอความรักแล้วนะ” พอมองชัดเจนแล้วมันก็รู้สึกว่า ‘ไม่ใช่’ อยู่ดี การพิสูจน์ว่านี่คือรักไหม ต้องผ่านบททดสอบของความรักก่อน ขั้นแรกคือหลง ขั้นสองคือทดสอบ ขั้นสามคือใช่ หรือไม่ใช่ จึงไม่จำเป็นต้องรีบรัก รีบเลิก แต่ให้เปลี่ยนเป็น “รีบให้ รีบรู้” จะดีกว่า.
ส่วนหลง
1. ชิ้นส่วนแห่งหลงง่ายที่จะพบเจอ และก็ง่ายที่จะไขว่คว้ามันมา มันเป็นชิ้นส่วนที่เสมือนว่าจะเป็นความรัก แต่มันก็กลับไม่ใช่ความรักแม้แต่น้อยเลย การตามหาความหลงง่ายดายกว่าความรักมาก รวมถึงการที่จะครอบครองมันก็ง่ายเพียงนิดเดียว แต่ผลมันก็กลับ ‘ว่างเปล่า’ ซึ่งหาแก่นสารอะไรไม่ได้เลย เวลามันว่างมันก็ต้องการอะไร ๆ มาเติมเต็ม ‘ตลอดเวลา’ ไม่มีวันที่จะพอใจเลยสักที.
2. หลงคือการ ‘ได้มา’ ได้ซึ่งคนรักจะมอบให้ ได้ในสิ่งที่คนรักทั้ง ‘อยาก’ และ ‘ไม่อยาก’ ที่จะให้เรา หรือสิ่งที่ไม่สามารถจะทำให้กันได้ก็ต้องการมันอยู่ดี หลงนั้นจะนำพาเราไปดินแดนแห่งความอดอยาก ไม่มีคำว่าอิ่มในดินแดนแห่งนี้ คนไหนที่อยู่ในห้วงแห่งความหลงจะรู้สึกว่าเพลิดเพลินเป็นพิเศษ แล้วมันก็จะกัดกินคุณจนคุณไม่เหลืออะไรให้ แม้กระทั่ง ‘รักตัวเอง’ เลย.
3. ถ้าไม่สามารถ ‘เข้าใจ’ ว่าหลงไม่ใช่รัก หลงคือการ ‘ครอบครอง’ คุณก็จะห่างไกลคำว่ารักไปไกลแสนไกล หนทางเดียวที่จะหยุดหลงได้ คือการเลิก ‘คาดหวัง’ ในสิ่งที่คนรักจะต้องมอบให้คุณ แต่เปลี่ยนเป็น ‘พร้อม’ ที่จะให้ในสิ่งที่คนรักจะต้องการ แล้วนั่นก็นำมาซึ่งความสุขแล้วพร้อมที่จะเติมเต็มให้แก่ตัวเองได้อย่างแท้จริง การจะแยกหลงกับรักออกไม่ง่าย แต่ก็ไม่ยากมันอยู่ที่ ‘สติ’ ตัวเดียว.
4. ที่ใดมีรักที่นั่นมีทุกข์ ก็เพราะความหลงนี่แหละเป็นตัวที่ทำให้เรา “ยึดในสิ่งที่ไม่ควรยึด ติดในสิ่งที่ไม่ควรติด” ทุกคนย่อมเคยหลงกันมาทั้งนั้น แม้ในขณะที่คิดว่าไม่หลง ก็คือหลงอยู่ดี เราคิดว่าจะมีเจ้าชายขี่ม้าขาวมารับเรา เราจะเจอแต่เจ้าหญิงแสนงาม แล้วไม่มีทางที่จะเจอคนไม่ดีเป็นไม่ได้เลย บางทีการ ‘ยอมรับ’ ความจริงก็เป็นหนทางแห่งการรักตัวเองอย่างแท้จริงก็ได้นะ.