♑ ราศีมังกร สำหรับคนเกิดวันที่ 24 ธันวาคม – 23 มกราคม (และการผูกดวงลัคนาเกิด)
1. ภายนอก (Page of Swords)
การดันทุรังทำในสิ่งที่คนอื่นไม่เห็นด้วย นี่คือตัวคุณที่คนอื่นตัดสินคุณที่ภายนอก คุณต้องเรียนรู้ที่จะเข้าใจสิ่งต่าง ๆ ที่หมุนเวียนเปลี่ยนไปให้ได้ ความมุ่งมั่นที่ขาดการควบคุมย่อมนำมาซึ่ง ความผิดพลาดได้ง่าย ในภาวะที่คุณยังดูเป็นเด็กน้อยในสายตาคนรอบข้าง คุณก็จะไม่สามารถทำอะไรได้มากนัก เพียงแต่ว่าคุณจะต้องพิจารณาตัวเองด้วยว่าคุณมีสิ่งที่ต้องปรับแต่งอะไรในตัวเองบ้างไหม การที่คุณดูกระตือรือร้นมากเกินเหตุ ก็อาจจะทำให้คุณขาดความรอบคอบต่อสิ่ง ๆ นั้นก็ได้นะ คุณควรจะค่อย ๆ ทำ หรือว่าละเอียดถี่ถ้วนในสิ่งที่กำลังทำอยู่บ้าง อย่างน้อยมันก็ดีต่อตัวคุณเองไม่มากก็น้อย.
ยอมรับฟังความคิดเห็นคนอื่นด้วยความนิ่งเฉย ก็ยังดีเสียกว่าปิดกั้นความคิดของผู้อื่นโดยสิ้นเชิง ความทะเยอทะยานที่ดีต้องประกอบไปด้วย ความสำรวมในการกระทำ เช่นทุกครั้งที่มีกิจกรรมใด ๆ ก็ต้องคอยหมั่นสังเกตปฏิกิริยาของของรอบข้าง ว่าเปลี่ยนไปเป็นสถานการณ์ไหนแล้ว บางทีเราอาจจะทำผิด หรือทำไม่ถูกใจคนรอบข้าง ซึ่งการรู้ตัวเองก็ช่วยลดความบาดหมางได้.
2. ภายใน (Four of Cups)
เมื่อไหร่ก็ตามที่คุณรู้ความต้องการของตัวเอง คุณจะปฏิเสธทุกข้อเสนอที่ยั่วยวน จริง ๆ แล้วจะแบ่งได้เป็น 2 นัย 1. การตระหนักรู้คุณค่าในตัวของคุณเอง 2. การไม่พอใจต่อสิ่งรอบข้าง ซึ่งในรูปการณ์น่าจะเป็นรูปแบบสองมากกว่า เพราะเกิดจากที่คุณไม่สามารถระบุคุณค่าของตัวเองได้ คุณจึงไม่เคยที่จะพอใจต่อสิ่งต่าง ๆ รอบตัวคุณ ถึงแม้ว่าคุณจะมีสิ่งต่าง ๆ มากมายก็ตามแต่ ธรรมชาตินั้นให้ผลยุติธรรมเสมอ ถ้าคุณสามารถบอกคุณค่าในตัวคุณเองได้ ธรรมชาติก็จะจัดสรรสิ่งต่าง ๆ มาให้คุณพอดีกับ “คุณค่าที่แท้จริง” ของตัวคุณเอง.
ในเมื่อคุณมีแต่คุณไม่เห็น มันก็เท่ากับคุณไม่มีสิ่งนั้นครอบครองอยู่เลย คุณไม่จำเป็นจะต้องมีความสุขในชีวิตทั้งวันทั้งคืนหรอก แต่คุณก็ไม่จำเป็นต้อง “อารมณ์เสียกับเรื่องไม่เป็นเรื่อง” ไม่ใช่เหรอ ยิ่งคุณจะให้ทุกคนเข้าใจคุณ แต่คุณกลับไม่เคยเข้าใจตัวคุณเอง ในอนาคตภายภาคหน้าก็อาจจะเป็นโรคซึมเศร้าก็ได้นะ ค้นหาปัญหาที่แท้จริงให้เจอ ไม่เช่นนั้นปัญหาจะมาทำร้ายคุณในอนาคตอันใกล้.
3. สิ่งที่ควรแก้ไข (The Star)
คุณไม่สามารถบังคับสิ่งใดให้คงอยู่ตลอดไปได้ ตราบใดที่คุณยังคงบังคับสิ่งต่าง ๆ ดังใจนึก คุณจะไม่สามารถดื่มน้ำแห่งความสมหวังได้ เมื่อคุณมีความคาดหวัง ที่ไม่ยอมเผื่อใจเอาไว้เลย มันจะทำให้คุณ “ไม่สามารถทำใจยอมรับ สิ่งที่ไม่เป็นตามความคาดหวังนั้นได้” คุณจะต้องตระหนักรู้ในธรรมชาติว่า ทุกอย่างจะเกิดขึ้นได้ก็ต้องตรงตามเหตุเท่านั้น ในเมื่อไม่มีเหตุที่ตรงกับผล ก็มิอาจจะสัมฤทธิ์ผลได้อย่างเด็ดขาด การจะเข้าใจธรรมชาติจะต้องเข้าใจถึงระดับจิตวิญญาณเท่านั้น คุณจะต้องเป็นหนึ่งอันเดียวกันกับธาตุทั้งสี่ให้ได้ คุณจะต้องมองโลกอย่างที่มันเป็นไป ไม่ใช่ให้โลกเป็นอย่างที่คุณอยากให้เป็น.
โอกาสที่ดีคือโอกาสในตอนนี้ ที่คุณเกิดมาเป็นมนุษย์ซึ่งเกิดมาได้ยากมาก คุณอาจจะยังไม่เห็นประโยชน์ของการเกิดมาก็ไม่สำคัญเท่ากับคุณปล่อยเวลาให้ผ่านเลยไป และนั่งรอคอยความหวังลม ๆ แล้ง ๆ ที่จะไม่มีวันเป็นจริง ลดความคาดหวังแล้วใส่ความจริงใจต่อสรรพสิ่งไป ทุกอย่างจะมาสถิตอยู่ที่คุณ ดั่งคำพูดที่ว่า “จิตจะมีอนุภาพมหาศาล ต่อเมื่อผู้นั้นฝึกจิตมาดีแล้ว”.
4. สิ่งที่ควรพัฒนา (The World)
การเป็นผู้รอบรู้ ต้องตระหนักรู้เพียงสิ่งเดียว สิ่งนั้นคือ ‘ตัวคุณเอง’ คุณจะมีประสบการณ์อันมหาศาลได้ก็ต่อเมื่อคุณสามารถที่จะเข้าใจปัญหาที่เกิดขึ้นในชีวิตของคุณ ว่าเพราะเหตุใด เพราะอย่างไร และเพราะอะไร คำถามจะนำพาคุณไปในสิ่งที่คุณไม่เคยได้สัมผัสมาก่อน โลกที่เต็มเปี่ยมไปด้วย ‘คำถาม’ ซึ่งมันจะมี ‘คำตอบ’ อันไพศาลรอคุณอยู่ แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้คือ เลือกคำถามที่ดีที่สุดแล้วตั้งจิตปรารถนาให้มีคำตอบนั้นเถิด ธรรมชาติจะดลบันดาลคำตอบให้คุณเอง.
การพัฒนาประสบการณ์ที่ผ่านพ้นมา ย่อมเป็นประโยชน์ต่อตนเองและผู้อื่นมาก เพราะการตกผลึกทางความคิดเป็นสิ่งที่ไม่ใช่ทุกคนจะบรรลุไปได้ คุณมีประสบการณ์ที่ดีและเพียงพอต่อการคิดวิเคราะห์ ซึ่งจะสามารถเริ่มเข้าใจธรรมชาติที่อยู่ตรงหน้าคุณได้อย่างแน่นอน การที่คุณจะเป็นคนใหม่ไม่ใช่คุณจะต้องทิ้งความเป็นตัวของตัวเองไป แต่คุณจะต้องทิ้ง ‘คราบอดีต’ ออกไปให้สิ้นซาก โลกมอบโอกาสให้คุณเป็นคนใหม่เสมอมา.
5. บทสรุป (Judgement)
เมื่อไหร่ก็ตามที่คุณหลงทาง จงระลึกไว้เสมอว่าหนทางจะมาปูทางให้คุณเดินอย่างแน่นอน คุณไม่ต้องกลัวความผิดพลาด ไม่มีใครไม่เคยผิดพลาด ทุกอย่างย่อมเป็นบทเรียนราคาแพงเสมอ ตราบใดที่คุณยังมีชีวิตอยู่ ตราบนั้นคุณจะต้องมีสิ่งที่จะต้องสะสางอยู่ดี คุณจะไม่มีวันหนีสิ่งที่คุณทำไปได้ เพราะกรรมเปรียบเหมือนเงาตามตัว.
จงฟังเสียงเรียกของจิตวิญญาณคุณว่าคุณต้องไปทางไหน เชื่อจิตวิญญาณของคุณเอง อย่างน้อยผิดหรือถูกก็จะรู้กันเอง เพราะคนดีย่อมมีเสียงเรียกไปในทางที่ดี และคนไม่ดีก็จะมีเสียงเรียกไปในทางที่ไม่ดี ซึ่งขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคลว่าสั่งสมสิ่งใดมาแต่อดีต ณ เวลานี้ไม่ใช่เวลาที่จะมาเรียนรู้ชีวิต แต่เป็นเวลาถูกพิพากษา ที่จะบอกว่าสิ่งที่คุณทำมาทั้งหมดนั้นอยู่ในฝั่งที่ดีหรือไม่ดี การเตรียมตัวรับคำติดสินเป็นสิ่งที่สมควร ยอมรับมันไปง่าย ๆ จะดีกว่า อย่างน้อยเราก็จะได้เข้าใจแล้วว่าที่ผ่านมาเราเดินมาในทางไหน ก็จะได้เรียนรู้ที่จะแก้ไขปรับปรุงต่อไป.