#23 ความโกลาหล

ความโกลาหล

ชีวิตก็เหมือนกับความโกลาหล สิ่งใดเล่าจะมีความสงบเท่าจิตที่ฝึกมาดีแล้ว หากไม่มีการฝึกของจิตเลย จิตนั้นก็ย่อมฟุ้งซ่าน วุ่นวาย หาที่ยึดที่เกาะไม่ได้ เวลาเจอปัญหาหรืออารมณ์ที่จรเข้ามากระทบ จิตนั้นก็กระเพื่อมเหมือนน้ำที่มีหินกระทบฉะนั้น เปรียบเสมือนโลกทั้งใบจะสงบได้ก็เพราะจิตเพียงสิ่งเดียวนี่แหละ หากว่าโลกนี้วุ่นวายก็เพราะจิตนี้เป็นเหตุให้วุ่นวาย การจะดูความโกลาหลให้ชัดเจน จะต้องฝึกสติ และก็ต้องมีสมาธิพอสมควร เพื่อจะรู้ชัดว่าสิ่งใดกันแน่ที่วุ่นวาย.

จุดเริ่มต้นของความโกลาหล

เมื่อมีคนมากกว่าหนึ่งคน ความโกลาหลย่อมเกิดขึ้น สิ่งใดที่จะเกิดขึ้นมาก็คือความสับสนอลหม่านนั่นเอง ยิ่งภาวะต่าง ๆ รุมล้อมเราไม่ให้ออกจากวังวนนี้ได้ เราก็จึงต้องดิ้นรนหาทางออกกันมากยิ่งขึ้น แต่ละคนก็มีความปรารถนาอยากจะมีชีวิตรอด ก็จึงจำเป็นจะต้องเห็นแก่ตัว แต่พวกเขาก็หารู้ไม่ว่า ความเห็นแก่ตัวนั้นไม่ได้นำมาซึ่งความสงบสุขอย่างแท้จริงหรอก แต่กลับกลายเป็นยิ่งมีความวุ่นวายเพิ่มมากขึ้น ทวีคูณขึ้นหลายเท่าตัว บางทีจุดเริ่มต้นมันอาจจะไม่ได้เกิดที่สิ่งใด ไปเท่ากับเกิดที่มนุษย์ ที่ยังคงมีกิเลสอยู่เต็มเปี่ยม ก็เพราะยิ่งมีความต้องการมาก ก็ยิ่งทะยานอยากมากเท่านั้นเอง.

สิ่งมีชีวิตที่เรียกว่ามนุษย์ อาจจะเป็นสิ่งมีชีวิตเดียว ที่ทำลายล้างมากกว่าสิ่งมีชีวิตอื่นก็เป็นได้ การอยากมีชีวิตรอดนั้น สร้างความปั่นป่วนมานับประมาณมิได้ หากว่าวันนี้มีคำถามว่า “ถ้าโลกนี้ไม่มีมนุษย์ สิ่งมีชีวิตอื่นอาจจะอยู่รอดมากกว่านี้ก็ได้นะ” ซึ่งคำถามนี้อาจจะสะท้อนอะไรหลาย ๆ อย่าง ไม่ว่าจะเป็นทัศนคติต่อมนุษย์ หรือว่าการจะทำให้โลกนี้มีความสงบมากกว่านี้ หรือมันพอจะมีวิธีแก้ไขอย่างอื่นได้บ้างไหม ในการจะคืนความสงบให้กับมนุษยชาติอย่างแท้จริง ทว่า มนุษย์เพียงหนึ่งคนความต้องการก็ไม่ใช่เพียงหนึ่งอย่าง อาจจะมีความอยากนับไม่ถ้วนเลยก็เป็นได้.

ความอยากได้ใคร่มีคือสาเหตุหลัก

ลองคิดเล่น ๆ ดูว่า โลกนี้จะมีสิ่งของเพียงพอต่อมนุษย์ทุกคนหรือไม่ คำตอบที่ทุกคนน่าจะพอเดาได้ ก็คงน่าจะพอแหละ แต่ในความเป็นจริงแล้วโลกใบนี้ไม่มีสิ่งใดเพียงพอกับความต้องการมนุษย์เลยสักอย่างเดียว ก็เพราะมนุษย์นั้นมีความต้องการมากมายมหาศาล พอได้สิ่งนี้ก็คิดอยากได้อย่างอื่นต่อไปเรื่อย ๆ แล้วความจริงก็ปรากฏว่า หากมนุษย์นี้ละคลายกิเลสได้ โลกนี้ก็จะสุขสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น ความโกลาหลมันสัมพันธ์เป็นเนื้อเดียวกันกับกิเลส เนื่องจากถ้ามนุษย์ทุกคนไม่มีกิเลสได้ ความโกลาหลก็จบลงที่ตรงนั้น ไม่มีอะไรเกิดขึ้นมาได้อีก เพราะสามารถดับเหตุแห่งทุกข์ได้.

ความสุขที่ทุกคนตามหานั้นอยู่ที่ไหนกัน ทุกคนถึงได้ตามล่ากันมากขนาดนี้ ใครบ้างที่จะปฏิเสธความสุข ก็ยกเว้นเพียงพระอรหันต์ที่ได้ละกิเลสทั้งปวงแล้ว จึงตระหนักรู้อย่างแจ่มแจ้งแล้วว่า ความสุขนี้ไม่มีอยู่ในโลกหรอก ยิ่งมาตามหาความสุขก็เสียเวลาเปล่า เพราะโลกนี้เต็มไปด้วยทุกข์ หรือแม้จะโลกอื่นก็ตามแต่ สิ่งใดเล่ามีการเกิด สิ่งนั้นย่อมมีการดับไปเป็นธรรมดา แล้วไอความสุขมันก็ไม่เที่ยง มันก็คือความทุกข์ยังไงล่ะ ความจริงก็มีเพียงเท่านี้ แต่ความหลงผิด ความอยากได้ใคร่มีนี่แหละคือสาเหตุหลักที่ทำให้ความโกลาหลเกิดขึ้น และในอนาคตจะยิ่งมากขึ้นตามกาลเวลา.

โปรดใช้สติก่อนการตัดสินใจ

เมื่อการตื่นรู้ของจิตได้อุบัติขึ้น สิ่งมีชีวิตก็จะแจ่มใสมากขึ้นตาม ดอกไม้ใบหญ้าก็จะยิ้มรับแสงแรกของทุกเช้า เพื่อเป็นสักขีพยานว่า คนที่มีสติรู้ตัวทั่วพร้อมนั้นหาได้ยากในโลก คนที่ไม่หลงไปตามคนหมู่มาก ไม่เชื่อมงคลตื่นข่าว และที่สำคัญไม่สำคัญผิดว่าตนเองนั้นมีความสลักสำคัญต่อโลกใบนี้ การจะก้าวข้ามผ่านภูเขาที่สูงชัน คนเหล่านั้นจะต้องพร้อมด้วยสติ สมาธิ และปัญญาเสมอ เมื่อการเดินทางได้เริ่มต้นขึ้น ความจริงของชีวิตก็ได้เริ่มต้นขึ้นเช่นกัน การน้อมรับความจริง เป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่ง การมีสตินั่นแลจึงเป็นสาเหตุของการยอมรับความจริงได้อย่างแท้จริง.

โลกใบนี้ย่อมสดใสขึ้นได้ก็เพราะมีคนที่ฝึกตนอยู่บนโลก หากว่าไม่มีบุคคลใดที่ฝึกตนแล้วไซร้ โลกนี้ก็จะว่างเว้นจากความสงบสุขเป็นแน่แท้ ความจริงก็คือความจริง ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ เมื่อบุคคลใดไม่หลงโลก มีสติรู้ความเป็นไปของโลก เรานั้นก็ควรไปส้องเสพ และสนทนากันเพื่อพิจารณาสิ่งที่บุคคลที่มีสติได้เปล่งวาจาสุภาษิตออกมา ก็เนื่องด้วยคำพูดจากคนที่มีสติ ย่อมเกิดจากสภาพธรรมตามความเป็นจริง และใช้คำเหล่านี้เพื่อเป็นเครื่องสอบทานความคิดของเราไปในตัวด้วย การยินดีรับฟังและมาคิดวิเคราะห์ต่อ จึงเป็นเรื่องที่สลักสำคัญอย่างยิ่ง มิควรหลีกเลี่ยงคนเหล่านี้เลยเป็นอันขาด.

จุดจบของความโกลาหล

ทว่า ความเป็นจริงที่จริงแท้ที่สุดก็คือ มิได้มีใครสร้างอะไรขึ้นมา เรานั่นแหละเสกสรรและปั้นแต่งขึ้นมาทั้งหมดทั้งสิ้น เราสร้างมันด้วยจิต และก็ต้องดับลงด้วยจิตเช่นเดียวกัน ไม่สามารถดับด้วยวิธีอื่นได้เลย เมื่อไหร่ที่มีความเป็นตัวกู ของกูเกิดขึ้นมา ความโกลาหลก็ย่อมเกิดขึ้น แต่ถ้าความเป็นตัวกู ของกูหมดไป ความสงบก็ย่อมเกิดขึ้นแทน สิ่งนี้เป็นตัวชี้วัดด้วยหลักเหตุและผลเสมอ ไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้นมาโดยปราศจากเหตุไปได้เลย หากทุกคนกำลังคิดว่าโลกวุ่นวายเพราะคนนี้ หรือคนนั้นเป็นเหตุ คุณกำลังคิดผิดอย่างมหันต์ ก็ในเมื่อโลกทั้งใบอยู่ที่ตัวคุณคนเดียว จงหาหนทางให้เจอ ก่อนที่มันจะสายเกินไป.

จริง ๆ แล้วการมีสติไม่ใช่จะทำให้เรามีความสงบขึ้นมาได้อย่างที่เราคาดฝันเอาไว้หรอก แต่มันคือการรู้แจ้งว่า ไม่มีอะไรเคลื่อนไหวนอกจากความปรุงแต่งภายในใจเรานี่เอง ที่เป็นตัวสร้างทุกอย่างขึ้นมา ดังเช่น นายช่างผู้สร้างเรือน ผู้ที่สร้างภพสร้างชาติ สร้างทุกสรรพสิ่งเพื่อให้เราเล่นตามบทบาทที่เราพึงได้รับมาทุกภพชาติ และการที่มนุษยชาติจะสงบได้ก็คงมีวิธีเดียว ทุกคนจะต้องค้นหานายช่างผู้สร้างเรือนให้เจอ และก็ทำลายนายช่างนั้นซะ ภารกิจทั้งหมดของการก่นด่า หรือโทษว่าโลกนี้วุ่นวาย ก็คงจะจบสิ้นกันเสียที ถ้าวันนี้ยังหานายช่างไม่เจอ เราก็อย่าให้ช่างสร้างอะไรเพิ่มขึ้นอีกก็พอ.