#7 ความแสวงหาที่ดี

ความแสวงหาที่ดี

มีผู้คนจำนวนมากไม่รู้ว่าชีวิตคืออะไร แถมใช้ชีวิตราวกับว่าวันนี้คือวันที่ฉันมีความสุขดีอยู่แล้วไม่ว่าจะเป็นการที่ใช้ชีวิตโดยปล่อยให้เวลาล่วงเลยสูญเปล่าไปแต่ละวัน แล้วบอกกับตัวเองว่า “นี่คือสิ่งที่ดีที่สุดในชีวิต”.

ตั้งคำถามที่ควรตั้ง

เริ่มแรกที่คุณจะแสวงหาความจริงในชีวิต คุณก็จะต้องรู้จักตั้งคำถามที่ควรตั้งแล้วการตั้งคำถามจะเป็นสิ่งกำหนดผลลัพธ์ในตอนสุดท้าย เช่น “ชีวิตฉันตอนนี้ดีจริง ๆ แล้วเหรอ” “ฉันจะแน่ใจได้อย่างไรว่าอนาคตเป็นสิ่งที่แน่นอน” และ “อะไรเป็นตัวแปรหลักของชีวิตที่มีผลทำให้อนาคตนั้นเปลี่ยนแปลงไป” จากคำถามข้างต้นจะสะท้อนเป้าหมายในชีวิตของคุณนับตั้งแต่นี้ไป แต่ไม่จำเป็นจะต้องใส่ใจคำว่า ‘เมื่อไหร่’ แต่ให้ใส่ใจที่ ‘คำถาม’ เป็นหลัก เพราะคุณจะไม่สามารถไปบังคับให้ความรู้นั้นเกิดขึ้นดังใจคิดได้เลย หรือแม้แต่ไปบังคับเหตุการณ์ให้เป็นที่ใจคุณตั้งเอาไว้ก็ไม่ใช่ฐานะ ในบางคนอาจจะได้คำตอบโดยใช้เวลา 1 ปี บางคนอาจจะ 5 ปี หรือบางคนอาจจะไม่ได้คำตอบนั้น แต่มันก็ดีกว่าไม่ใช่เหรอที่การเดินทางของชีวิตจะไม่ปล่อยเวลาทิ้งไป แต่กลับมาตั้งคำถามกับชีวิตในหลากหลายแง่มุมซึ่งก็ขึ้นอยู่กับแต่ละคนว่าคน ๆ นั้นต้องการอะไรในชีวิต ใช้ชีวิตเพื่อแสวงหาสิ่งใด แล้วการแสวงหามันมีสิ่งที่ดี และไม่ดีด้วยเหรอ มันขึ้นอยู่กับคุณแล้วล่ะว่าจะทำยังไงกับชีวิตของคุณดี.

มีสติในทุกเหตุการณ์

นักปราชญ์ผู้แสวงหาความจริง มีกฎข้อเดียวที่ใช้กันทุกคนคือ ‘สังเกต สังเกต และสังเกต’ คุณจะหลีกเลี่ยงการสังเกตการณ์สิ่งต่าง ๆ รอบตัวไม่ได้เด็ดขาดไม่ว่าจะเป็น ต้นไม้ ใบหญ้า หรือลำธาร แต่ทว่า ณ ปัจจุบันบางคนอยู่ในเมืองที่มีแต่ตึก ถนน รถยนต์ ก็สามารถนำมาเป็นตัวกำหนดรู้ได้เหมือนกัน สติจะเกิดทุกครั้งที่คุณใส่ใจแล้วพิจารณา ขณะที่พิจารณานั้นคุณจะรู้ว่านี่คือสิ่งที่จริง และนี่คือสิ่งที่ไม่จริง เราสามารถแยกแยะสิ่งต่าง ๆ ออกได้อย่างชาญฉลาด แต่ทำไมเราไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ให้เป็นดังใจนึก ถึงแม้เราจะสามารถควบคุมร่างกายได้ แต่มันไม่สามารถควบคุมจิตใจได้เลยแม้แต่น้อย หรือบางทีมันอาจจะเป็นสิ่งที่คุณต้องพิจารณามันว่ามันบังคับอะไรไม่ได้ แล้วสติจะทำหน้าที่รู้ตรงนั้นเองโดยอัตโนมัติ.

เพียงแค่รู้ก็พอ แล้วบอกกับตัวเองแบบนี้หลังจากนั้นคำตอบในคำถามจะค่อย ๆ ผุดขึ้นมาจากความรู้สึก สิ่งนั้นแหละจะเป็นตัวบอกเราเองว่า “ความหมายในชีวิตคืออะไร” คำตอบที่จริงจะเป็นแนวโน้มคือ ‘ตอนนี้’ ที่จริงไม่มีอะไรมีความหมายไปมากกว่า ตอนนี้ที่ฉันได้ใช้ชีวิตนี้เลยจริง ๆ.

ทดลองใช้ชีวิตในสนามจริง

เมื่อเราไม่รู้ว่ามันถูกต้องไหมก็ต้องทดลอง การทดลองในที่นี้จะหมายถึงการที่คุณค้นหาชีวิต แล้วก็ใช้ความกล้าในตัวเองเริ่มต้นที่จะกล้าเสี่ยงดู ไม่มีสิ่งใดน่ากลัวไปกว่าการไม่เริ่มต้นอะไรสักอย่างเดียว เพราะสิ่งที่น่ายินดีคือความล้มเหลวที่เราทำผิดพลาด เมื่อไม่มีความผิดพลาด คุณก็จะไม่เกิดกระบวนที่เรียกว่า ‘การตระหนักรู้’ ได้เด็ดขาด การแสวงหาสิ่งที่ดีมันไม่ใช่เรื่องเล่น ๆ เพราะนี่คือการที่คุณตามหาอัญมณี.

ทว่า อาจจะใช้เวลาทั้งชีวิตที่จะแสวงหามันถ้าเกิดไม่มีความรู้ ไม่มีความพยายาม และไม่มีความอดทน ก็บอกได้คำเดียวว่าความสุขในชีวิตจะห่างไกลจากชีวิตคุณไปไกลมาก ๆ แล้วก็เป็นคำตอบว่าคุณเป็นผู้แพ้อย่างแท้จริง อย่างน้อยให้ชีวิตได้ลองอะไรในสิ่งที่คุณต้องการ อย่างน้อยให้ชีวิตได้ดื่มด่ำกับความสำเร็จ และอย่างน้อยให้ชีวิตได้มีโอกาสที่จะฝันถึง แม้ว่าจะไม่มีอะไรดูเป็นชิ้นเป็นอันสักอย่างเดียว แต่เชื่อเถอะถ้าไม่เริ่มที่จะอยากเข้าใจมัน มันก็ไม่มีวันให้คุณได้เข้าใจอะไรเลย เริ่มต้นทดลองจริง ๆ ได้แล้ว เรียนรู้ในความบกพร่อง เรียนรู้ในการปรับตัว และเรียนรู้ที่จะน้อมรับว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ต้องเกิดขึ้น.

คำตอบที่คุณรู้เพียงผู้เดียว

ถ้าคุณแสวงหาที่จะสำเร็จ ถ้าคุณแสวงหาที่จะมีชื่อเสียง หรือถ้าคุณแสวงหาที่จะร่ำรวย ทั้งหมดทั้งมวลที่คุณแสวงหามาทั้งชีวิตจะพบเจอแต่ความว่างเปล่า มันไม่มีจริง ๆ หรอก ไอการล่าขุมทรัพย์สุดขอบฟ้า หรือการตามล่าอัญมณีที่หล่นหายไป ไม่มีใครให้คำตอบเหล่านี้ได้นอกจากตัวของคุณเอง เพราะทั้งหมดทั้งมวลคือความเชื่อต่อ ๆ กันมา ว่าอย่างนั้นอย่างนี้อย่างนู้น ไม่รู้อะไรบ้างที่จริง และอะไรบ้างที่ไม่จริงซึ่งมันก็ว่าตาม ๆ กันไป คิดตาม ๆ กันไป ตรึกนึกตาม ๆ กันไป แล้วเชื่อเถอะว่าต่อให้คุณแสวงหาสิ่งใดก็ไม่เท่า ‘แสวงหาความจริง’ แล้วความจริงอยู่ที่ไหนล่ะ “ก็ตอนนี้ยังไงล่ะ” ถ้าคุณไม่เข้าใจมันก็เป็นเรื่องปกติ ตราบใดที่ยังไม่ถึงจุดที่เรียกว่ารู้แจ้งความจริง หรือว่าอะไรคือความหมายของชีวิต เมื่อนั้นคุณก็ยังไม่สามารถจะตอบคำถามนี้ได้เพราะคำถามนี้เฉพาะตัวเฉพาะตนจริง ๆ.

ไม่มีใครกำหนดว่าคนนี้คือผู้รู้ นี่คือผู้สำเร็จ นี่คือผู้มีชื่อเสียง มีแต่คุณเท่านั้นที่จะตอบคำถามเหล่านี้ได้ จากการคิดพิจารณา และไตร่ตรองอย่างดีแล้วเท่านั้น เมื่อไหร่ที่คุณปรึกษาหาความจริงในคนสิบคน ก็จะมีสิบความคิดนั้นให้คุณนำเก็บไว้ โดยไม่ให้เชื่อแต่ให้วิเคราะห์ให้ออกว่าคำตอบมีอยู่ ณ ขณะนี้หรือเปล่า.