การประเมินว่าสิ่งใดดีหรือไม่ดีนั้น เป็นสิ่งที่ยากอย่างยิ่งโดยที่ความโน้มเอียงคือแนวโน้มของชีวิตที่กำลังเป็นไป หากมันดีมันจะมีความโน้มเอียงที่ดี ส่วนหากมันไม่ดีมันจะมีความโน้มเอียงที่ไม่ดี ชีวิตก็มักจะเป็นไปตามหลักการนี้เสมอมา เรียนรู้ที่จะเข้าใกล้สิ่งที่ควรเข้าใกล้ และออกห่างให้ไกลมากที่สุด กับสิ่งที่มันไม่ได้ทำให้ชีวิตดีขึ้นจริง ปัญหาของปัญหาก็คือปัญหาอยู่วันยังค่ำ ไม่มีทางเปลี่ยนแปลงไปได้เลย.
อยู่ใกล้ใครก็เป็นคนแบบนั้น
ยิ่งเราอยู่ใกล้คนแบบไหน เราก็จะมีความคิด จิตใจ และวิถีการดำเนินชีวิตที่ใกล้เคียงกันเสมอ เราไม่สามารถเปลี่ยนแปลงชีวิตของใครได้เลยนอกเสียจาก เราเริ่มปรับวิถีชีวิตของตัวเราเอง บางทีเราก็แค่ต้องยอมรับความเป็นจริงอยู่ข้อหนึ่งว่า เราเป็นแค่คนธรรมดาคนหนึ่ง ที่เราก็ไม่ได้มีความหนักแน่นรวมไปถึงจุดยืนที่ชัดเจนมากมายขนาดนั้น หน้าที่ของเราทุกคนก็คือเลือกสรรสิ่งที่ดีที่สุดให้กับชีวิตเรา แถมเราก็หลงลืมไปว่าอะไรบ้างที่จะทำให้เรามีความสุขได้จริง ลองเรียนรู้ที่จะเข้าใกล้คนที่มีทัศนคติที่ดี และหลีกเลี่ยงคนที่มีความเป็นพิษ หลังจากนั้นเราจะค้นพบว่าชีวิตเราจะดีขึ้น ทั้งสุขภาพจิต ทัศนคติ และการเลือกทางเดินก็ตาม.
ปัญหาของคนส่วนใหญ่คือขาดจุดยืนในชีวิต บางทีเราก็ต้องการใครสักคนไว้แก้เหงา คลายความกังวลที่มีในแต่ละวัน หน้าที่เราทุกคนก็จึงเป็นสิ่งที่ต้องไขว่คว้ากันต่อไปว่า เราควรทำอะไรมากที่สุดในวันนี้ ระหว่างหาความสุขหรือเรียนรู้จักความทุกข์ไว้บ้าง ถึงแม้เราจะเลือกสิ่งที่เราเจอไม่ได้แต่เราก็ย่อมตัดสินใจเลือกได้ว่า คนไหนควรคบหา หรือคนไหนที่เราควรออกห่าง พลังงานบางอย่างอยู่รายล้อมตัวเรา มันอาจจะหมายถึงความรู้สึกที่ได้อยู่ใกล้กับคนที่สงบร่มเย็น เราก็พลอยที่จะเย็นใจ เย็นกายตามไปด้วย บางคนที่มีความร้อนอกร้อนใจเขาก็มักจะพลาดการอยู่กับปัจจุบันขณะไป พอขาดสติ ก็จะขาดสมาธิ และก็จะขาดปัญญาสืบไป.
เราจะมีค่าเฉลี่ยชีวิตคล้ายกับคนใกล้ตัวเรา
บุคคลห้าคนที่อยู่ใกล้เรามากที่สุด รวมไปถึงเรารับฟังเขาเหล่านั้นด้วยความตั้งใจ เราก็จะได้อะไรจากเขาเหล่านั้นมากมายมหาศาล เมื่อค่าเฉลี่ยชีวิตเราคล้ายกับคนใกล้ตัวเรา เมื่อนั้นเราจะค้นพบว่าชีวิตเราย่อมได้รับอิทธิพลจากพลังงานรอบตัวเราตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นบ้านที่อยู่อาศัย คนที่อยู่ร่วมกัน รวมไปถึงสภาพแวดล้อมของแต่ละพื้นที่นั้น ๆ หน้าที่เราคือสังเกต สังเกต และสังเกต ว่าอะไรคือสิ่งที่เราต้องปรับปรุงแก้ไข เมื่อความโน้มเอียงมันทำหน้าที่ให้เราไปไหนก็ได้ตามสิ่งที่เราคลุกคลีด้วย เราก็แค่รับรู้ว่าสิ่งใดควรคลุกคลีตีโมงแค่นั้นเอง กระนั้น การเพิกเฉยต่อการใช้ชีวิตย่อมส่งผลเสียมากกว่าผลดี เราจึงต้องเน้นย้ำเรื่องการอยู่ใกล้ใครให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้.
ถ้าเราสามารถเปลี่ยนวิถีชีวิตได้จริง เราก็จะรับรู้ว่าทุกวันคือโอกาส และทุกคนก็สามารถเลือกสรรได้บ้าง ไม่ใช่ว่าเราต้องย้อมแพ้กับทุกสิ่งที่ผ่านเข้ามา แต่แค่รับรู้ว่าอะไรคือสิ่งที่ควรสนใจหรือใส่ใจแค่นั้น ถึงแม้ว่าเราอาจจะไม่ได้เป็นเพื่อน หรือเป็นคนใกล้ชิด หากแต่เพียงเราเสพสื่อของบุคคลนั้นทุกเมื่อเชื่อวัน วันหนึ่งสิ่งที่เรารับรู้ก็จะกลายมาเป็นความคิดที่ดีได้เช่นกัน รวมถึงการฟัง การเข้าใกล้ และการตระหนักรู้ย่อมส่งผลดีอย่างแน่นอน ถ้าเราเลือกที่จะรับฟังบุคคลที่มีผลกระทบต่อสังคม ครอบครัว หรือสิ่งแวดล้อมใด ๆ ให้ฝึกฝนที่จะเปลี่ยนแปลงตนเอง ปรับตัวอย่างสิ่งที่ชีวิตนั้นเป็นไป แล้วหลังจากนั้นเราจะได้รับสิ่งที่หาได้ยาก.
ให้เราโน้มเอียงเข้าไปหาด้วย
การที่เราจะโน้มเอียงเข้าไปหาสิ่งใดมันก็เป็นสิ่งที่เราต้องหาคำตอบให้กับตัวเองเสมอว่า เราต้องการไปยังทิศทางใดกันแน่ หากวันนี้ไม่รู้ ก็ต้องเริ่มนับหนึ่งใหม่ เริ่มที่จะตั้งคำถามให้ได้ว่าวันนี้สิ่งที่เรากำลังเดินทางไป มันมีความโน้มเอียงใกล้เคียงกับความมุ่งหมายของเราไหม ถ้าไม่ใช่ก็ให้ค้นหาหนทางนั้น ๆ ตลอดเวลา ไม่จำเป็นจะต้องหยุดพัก เพราะช่วงแรกมันเป็นช่วงที่ต้องใช้พลังงานสูงมากที่จะเปลี่ยนแปลงบางสิ่ง หากเราขาดความมุ่งมาดปรารถนามันก็จะส่งผลทำให้ชีวิตเราติดกับดักความสบายต่อไป เรียนรู้ที่จะเข้าใจทุกสิ่งตามความเป็นจริง ค่อย ๆ ปรับ ไม่ต้องเร่งรีบ แต่อย่าหยุดที่จะตามหาก็เท่านั้นเอง.
เพื่อนเราคนใด แฟนเราคนไหน หรือว่าบุคคลอื่น ๆ ที่เราพบเจอในแต่ละวัน ลองสังเกตชีวิตคนเหล่านั้นดู มันจะช่วยให้เราเข้าใจได้ว่า ไม่มีสิ่งใดที่จะทำให้มีชีวิตที่ดีขึ้นได้ ถ้าเราไม่น้อมนำมาปรับใช้ และไม่มีสิ่งใดที่จะทำให้มีชีวิตที่แย่ลงได้ ถ้าเราปล่อยสิ่งดี ๆ ทิ้งไป หากแต่เพียงลองทำในสิ่งที่ไม่เคยทำ ก็ลองทำดูไม่เสียหายอะไร สิ่งเหล่านี้จะช่วยให้เรามีความคิดที่เปิดกว้างมากยิ่งขึ้น แถมเราก็จะเล็งเห็นคุณสมบัติต่าง ๆ ที่เราขาดอยู่ ให้มันสามารถก่อเกิดขึ้นมายังตนเองได้ สังเกตสิ่งรอบข้างอยู่อย่างเสมอ เรียนรู้ที่จะเข้าใจว่าทุกคนมีดีมีเสีย ไม่ใช่ว่าทุกคนจะดีทั้งหมดหรือเสียทั้งหมด เพื่อเป็นการให้เราคบคนจากที่จิตใจมิใช่สิ่งภายนอก.
ไม่ประมาทต่อการใช้ชีวิตในทุกแง่มุม
ทุกอย่างมีผลกระทบต่อชีวิตของเราทั้งหมดทั้งสิ้น ปัญหาในวันนี้จะบังเกิดขึ้นไปยังอนาคตอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แนวโน้มหลักย่อมมาบ่งชี้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นมาบ้าง วันนี้จึงเป็นวันที่กำหนดทุกอย่าง มันกำหนดทั้งปัญหาที่เราไม่เข้าใจ และก็กำหนดว่าเราควรจะเข้าใจสิ่งใดมากยิ่งขึ้น ประสบการณ์ทุกอย่างจะมาสอนเราเอง ขอให้เราใช้ชีวิตอย่างสิ่งที่ควรจะเป็นไป ตั้งใจว่าจะไม่ประมาทต่อการใช้ชีวิตก็พอแล้ว หลังจากนั้นก็ใช้ชีวิตอย่างเต็มที่ในแบบฉบับของเราเอง ผู้คนมากมายก็จะมีชีวิตที่แตกต่างกันไปตามเจตจำนง ซึ่งเราไม่ต้องไปเปรียบเทียบกันว่าชีวิตใครดีกว่าใคร ขอแค่เพียงเรามีชีวิตอย่างสมกับสิ่งที่เราตั้งใจไว้ก็พอแล้ว.
คนที่ประมาทในการใช้ชีวิตก็ไม่ต่างจากคนที่ตายไปแล้ว เราจะเป็นคนเป็นหรือคนที่ตายไปนั้นก็จะขึ้นอยู่กับเราทั้งหมดทั้งสิ้น ให้เริ่มต้นที่จะใช้ชีวิตอย่างเต็มที่แต่ก็ต้องไม่ประมาทตามไปด้วย ความโน้มเอียงคือสัญญาณที่บ่งชี้ทุกสิ่งทุกอย่าง มันบอกทาง และบอกให้เราปรับปรุงตัวเองอย่างไร ถ้าเราเรียนรู้ที่จะปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ตรงหน้าได้มากที่สุด เราก็จะเป็นคนที่สามารถผ่านพ้นอุปสรรคต่าง ๆ นานาไปได้อย่างแน่นอน เริ่มต้นที่จะศึกษาสิ่งต่าง ๆ ตามความเป็นจริง เพราะความเป็นจริงเท่านั้นที่คงอยู่ นอกจากความจริงไม่มีอะไรเลยที่ปรากฏให้เราเห็น ศรัทธาในความจริงแล้ววันหนึ่งความจริงจะนำพาทุกอย่างมาให้เราอย่างแน่นอน เชื่อในความจริงเท่านั้นที่จะเป็นคำตอบ.