#65 ความเจ็บปวดในอดีต

ความเจ็บปวดในอดีต

เมื่อผู้คนมากมายมีอดีตที่ยากจะลืมเลือน เราจึงต้องหาคำตอบในชีวิตกันให้ได้ว่า ทำไมอดีตจึงมีอิทธิพลกับเราขนาดนั้น ปัญหาในชีวิตที่เข้ามามันมีเหตุผลบางสิ่งรึเปล่า หรือว่ามันเป็นเพียงแค่ตัวเราเองที่ตีอกชกหัวให้ชีวิตของเรานั้นบอบช้ำไปมากกว่าเดิม การขับเคลื่อนในชีวิตในแต่ละวันแต่ละคืนหลังจากนี้ เราก็แค่อาจจะถูกขับเคลื่อนด้วยความเจ็บปวดในอดีตเท่านั้น แล้วเราไม่ได้ก้าวข้ามผ่านอะไรไปเลยด้วยซ้ำไป.

ชีวิตเจออะไรมาบ้าง

คำถามที่เราควรกลับมามองที่ตัวเราเองก่อนเลยว่า เราผ่านอะไรมาบ้าง ซึ่งคำถามนี้เป็นการย้อนเวลากลับไปเพื่อจดจำเหตุการณ์บางเหตุการณ์แล้วค่อยตั้งอีกคำถามว่า เราเรียนรู้อะไรจากมันได้บ้าง ไม่ว่าจะเป็นเราได้ประสบการณ์จากมันหรือว่าเราเข้าใจว่าเหตุการณ์นี้สอนอะไรเรา นั่นจึงเป็นเหตุผลที่เราต้องมองอดีตย้อนกลับไปเพื่อประมวลเหตุการณ์ทั้งหมด แล้วค่อยพิจารณาทีละเรื่องว่ามันมอบอะไรให้กับเรา ปัญหาของคนส่วนใหญ่หลงลืมไปว่า การเดินทางของชีวิตไม่ได้มีเพียงแค่เราทำแล้วก็จบลงไป มันมีกระทั่งการคิด การพูด และการกระทำโยงใยเป็นสายใยที่ไม่สามารถแยกออกจากกันได้.

หน้าที่ของเราคือเรียนรู้ในอดีตให้มากที่สุดเท่าที่เราจะทำได้ โดยไม่ต้องมีข้อแม้หรือข้ออ้างใด ๆ วันนี้เราจะต้องย้อนกลับไปเพื่อเข้าใจอดีต ยอมรับมันและก้าวข้ามผ่านปัญหานานาประการไปให้ได้ แน่นอนว่าสิ่งนี้เป็นสิ่งที่ยากเอาการ ไม่ใช่ว่ามันจะทำได้ง่ายเหมือนเราพูดคุยกัน แต่อีกอย่างที่แน่นอนเหมือนกันนั่นก็คือ เรามีพลังอำนาจมากพอที่จะลบล้างความเชื่อเดิม ๆ คำดูถูก คำสบประมาท และคำอื่น ๆ อีกมากมายที่มันกลายเป็นบาดแผลทางจิตใจ รวมถึงมันก็ยังกลายมาเป็นหอกทิ่มแทงความรู้สึกกันอยู่ทั้งชีวิต ภาพจำบางภาพมันเจ็บปวด แต่บางครั้งการไม่ยอมรับภาพจำในอดีตมักจะส่งผลลัพธ์ที่เจ็บปวดมากกว่าเสมอ.

ชีวิตมอบอะไรให้กับเราบ้าง

ถ้าชีวิตสามารถมอบอัญมณีให้กับเราได้ มันจะมอบด้วยวิธีการใด มันจะยื่นมือมาช่วยเราทุกเหตุการณ์ หรือมันจะคอยช่วยให้กำลังใจอยู่ห่าง ๆ แต่ก็ยังสนับสนุนเราตลอดเวลา ชีวิตนั้นไม่เหมือนการมานั่งคอยช่วยเหลือจากพ่อแม่ และคุณครูในโรงเรียน มันคือการเล่นจริง เจ็บจริง ไม่มีใครแสดงแทนเรา หน้าที่ของเราคือเรียนรู้ให้ได้มากที่สุด โจทย์ของเราอาจจะยากกว่าคนอื่นเขา แต่ก็ไม่ใช่ว่าโจทย์ที่เราทำนั้นไม่มีความหมายอะไรเลยต่อชีวิตของเรา มองมุมกลับกัน ใครทำโจทย์ที่ง่าย เขาย่อมได้ประสบการณ์ที่น้อย และใครที่ทำโจทย์ยาก เขาก็ย่อมได้ประสบการณ์ที่มากกว่า แล้วหลังจากนั้นก็แข่งกันที่ใครสามารถมีสติได้มากกว่ากัน.

ยิ่งเรามีสติสัมปชัญญะมาก เราก็จะเรียนรู้สิ่งตรงหน้าเราได้มาก ฉันใดก็ฉันนั้น เราไม่สามารถหลีกเลี่ยงความเจ็บปวดไปได้ และเราก็ไม่สามารถหลีกหนีตัวตนของเราได้เลย บางทีตัวตนเดิมแท้ของเราก็เป็นสาเหตุที่ทำให้เหตุการณ์มันเลวร้ายลง เพียงเพราะเราไม่เคยคิดว่าเหตุการณ์ที่เข้ามามันคือการเรียนรู้ แต่เรากลับมองไปว่ามันเป็นเพียงแค่ความเลวร้ายของชีวิต รวมไปถึงความไม่เข้าใจของคนที่เรารักแค่นั้นเลย บางสิ่งที่ชีวิตนั้นจะมอบอะไรให้กับเราก็กลายเป็นโมฆะไปโดยปริยาย ไม่ใช่ว่าเราผิดพลาดหรือล้มเหลว แต่เราไม่มีกำลังใจมากเพียงพอในการยอมรับว่า เราก็เป็นคนธรรมดาคนหนึ่งที่เจอได้ทั้งสิ่งที่ยากและสิ่งที่ง่าย.

วันนี้เรากำลังมอบปมปัญหาให้กับคนอื่นไหม

การจะมีชีวิตที่ยากมากยิ่งขึ้น นั่นก็คือการที่เราไม่สามารถก้าวข้ามผ่านความเจ็บปวดในอดีตไปได้ มันส่งผลทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างเลวร้ายแบบทวีคูณ นั่นหมายความว่าคนหนึ่งคนที่เจอความเลวร้าย เขามักจะมอบความเลวร้ายให้กับคนอื่นอย่างไม่ไยดี เขาเหล่านั้นมักจะคิดไปว่า คุณก็สมควรโดนอย่างสิ่งที่ตัวเราเองโดน การทำดีกับคนอื่นจึงไม่ใช่สิ่งที่สมควร เพราะมันจะแตกต่างจากที่เราพบเจอมา ซึ่งเราจะยิ่งเจ็บปวดมากถ้ามีใครได้มีความสุขหรือ ได้รับสิ่งที่ดีกว่าเราแบบเทียบวัยกัน ทว่า ความเลวร้ายไม่จบอยู่เพียงเท่านั้น การต่อยอดขยายผลไปสู่อีกตัวแปรหนึ่งนั่นคือ ลูกหลานและคนรอบข้าง ผู้คนที่ได้รับพลังของความเจ็บปวดนี้ หากเขาไม่สามารถเยียวยาตัวเองได้ก็จะส่งผลไปสู่อนาคตของตัวเอง และคนรอบข้างอีกเช่นกัน.

ปัญหาของชีวิตจึงเป็นสิ่งที่เป็นโจทย์ที่ยากที่สุด เพราะมันไม่ได้แก้โจทย์เหมือนการเรียนในสถาบันการศึกษา เพราะคนที่ประเมินไม่ใช่เรา แต่เป็นธรรมชาติ แล้วถ้าโลกยังเหวี่ยงให้เราเจอคนที่มีความสุขกว่าเรา เราก็จะยิ่งไม่เข้าใจว่าทำไมกัน คนอื่นถึงมีความสุขมากกว่าเรา ตัวเราคงไม่ได้ดีพอสำหรับคนอื่นเขา รวมไปถึงเราจะยิ่งก่นด่าโชคชะตาความเป็นอยู่ของสิ่งมีชีวิตกันมากขึ้นเป็นเท่าตัว ลองฝึกสติและคิดตามไปว่า การส่งมอบความเจ็บปวดนี้ ไม่ใช่เพียงแค่เราจะเจ็บปวดเพิ่มมากยิ่งขึ้น แต่เราจะมีความสุขที่น้อยลงตามไป การมอบความสุขให้กับผู้อื่นเป็นหนทางเดียวที่จะทำให้ความเจ็บปวดในอดีตเบาบางลงได้ สังเกตตัวเอง รู้จักตัวเองว่าวันนี้เราพอทำอะไรที่เป็นประโยชน์ให้กับผู้อื่นได้บ้าง.

เป็นเพียงแค่บางส่วนไม่ใช่ทั้งหมด

ถ้าเรามองกันให้ดี กว่าจะมาเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์แบบคนหนึ่งมิใช่เรื่องง่ายดายเลย เราจำเป็นจะต้องบ่มเพาะตัวเราเอง แถมเราจะยังต่อฟันฝ่าอุปสรรคตั้งมากมายมหาศาลอีก มิหนำซ้ำบางทีเราก็เป็นของเราอย่างนี้ ก็ยังมีคนมาด่าว่าเราแถมไม่ยอมให้เราทำอะไรสักอย่างหนึ่งเลย นั่นก็จึงเป็นที่มาของคำว่าเราไม่สามารถก้าวข้ามผ่านปัญหาเหล่านี้ไปได้ ซึ่งไม่เป็นอะไรเลยที่เราจะยังก้าวข้ามผ่านปัญหาทั้งหมดภายในวันนี้ไปไม่ได้ แต่ขออย่างหนึ่งว่าเราอย่าเป็นคนที่หมดสิ้นความหวัง และกำลังใจไปจนหมดเกลี้ยง เพราะนั่นคือเชื้อเพลิงที่ประเมินมูลค่ามิได้เลย มันเป็นทั้งชีวิตของเรา เป็นน้ำหล่อเลี้ยงจิตใตของเรา รวมไปถึงเป็นขุมพลังที่ทำให้เรามีชีวิตต่อไปได้.

ชีวิตเราก็เป็นของเรานั่นแหละ เพียงแต่มันไม่ใช่ทั้งหมดที่จะเป็นของเราจริง ๆ ถ้าจะให้พูดให้ใกล้เคียงคือเรายืมชีวิตของธรรมชาติมาใช้ วันหนึ่งเราก็ต้องคืนไปสู่ธรรมชาติ เราจะยืมอย่างไรให้มันมีคุณค่าและความหมายให้มากที่สุด มันก็ขึ้นอยู่กับเรา ไม่ต้องไปสนใจชีวิตของคนอื่นว่าเขาจะเป็นอย่างไร ความสุขของแต่ละคนก็ไม่ได้แตกต่างกันมากนักหรอก ทุกคนก็ต้องการผู้คนมายอมรับ ต้องการมีเงินทองมากมาย รวมไปถึงต้องการให้ใครต่าง ๆ เข้าใจในสิ่งที่เราเป็นโดยที่เราไม่ต้องปรับอะไรทั้งนั้น แต่ทว่าชีวิตไม่ได้ออกแบบมาเป็นแบบนั้นทั้งหมด ความเจ็บปวดที่เราได้รับเป็นเพียงเสี้ยวเดียวของชีวิต มันมีอะไรอีกหลายส่วนที่เรายังรอคอยมัน และมันก็อยู่ที่เราจะสร้างมันขึ้นมาด้วยมือของเราเอง.