#61 ความระลึกถึงความหลัง

ความระลึกถึงความหลัง

หากว่าเราย้อนนึกถึงอดีตที่ผ่านพ้นไปแล้ว จนเราลืมไปว่าวันนี้เป็นวันที่เราควรจะระลึกถึง เมื่อนั้นเราจะสูญเสียวันนี้ไปโดยปริยาย ลองที่จะรับรู้ภาพตามความเป็นจริงอย่างสิ่งที่มันเป็น ว่าวันนี้ย่อมเป็นเหมือนวันนี้ไม่ได้เป็นเหมือนวันอื่น ๆ ไม่มีสิ่งใดควรทำหรือสิ่งใดควรแก้ เพราะทุกอย่างมันก็เป็นเช่นนั้นอย่างที่เคยเป็นมา การหวนรำลึกอาจจะไม่ได้ช่วยอะไรมากเท่ากับการตระหนักรู้ต่อสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้าเรา.

ปัญหาก็คือวันนี้สำคัญที่สุด

อดีตเป็นเพียงภาพจำ วันนี้จึงเป็นวันที่จะกำหนดภาพจำว่าเราจะทำอย่างไรให้ได้ดีที่สุด ถ้าวันนี้เราทำดีที่สุดไปแล้ว อดีตก็มักจะเป็นสิ่งที่สวยงามอย่างสิ่งที่ควรจะเป็น ความทรงจำนั้นก็เหมือนกล่องภาพขนาดใหญ่ที่มีทุกเหตุการณ์รวมกัน มันเหมือนว่าเราเป็นกล้องถ่ายรูปที่เรานั้นสามารถที่จะย้อนเวลากลับไปเพื่อย้อนรำลึกถึงอดีตได้ แต่การที่เราจะไปย้อนเวลาบ่อย ๆ ก็จะรังแต่ทำให้ปัจจุบันนี้เสียหาย รวมไปถึงเราไม่สามารถมีชีวิตอย่างสิ่งที่ควรจะเป็นจริง ๆ ได้เลย การรับรู้ของภาพจำควรจะตรงกันกับความเป็นจริงให้มากที่สุด สะท้อนไปยังที่มุมมองอื่น ๆ ในส่วนที่ดีและไม่ดีอย่างละเท่า ๆ กันอย่างลงตัวที่สุด.

ไม่กลับไปยังอดีตมากจนเกินไปเพราะมันจะส่งผลทำให้สูญเสียแรงโน้มถ่วงของชีวิต มีภาพยนตร์หลายเรื่องที่กำลังเล่าเรื่องของบุคคลที่พยายามกลับไปยังอดีต แต่การกลับไปก็กลับได้แค่เพียงความทรงจำสีจาง ๆ ที่เรานั้นได้เคยผ่านมา ทว่า ชีวิตที่ผ่านมามันก็คงไม่ได้สำคัญเท่ากับ เรามีเหตุการณ์ที่ดีกับชีวิตเรา แล้วเราก็ยังอยากที่จะให้มันคงอยู่แบบนั้นตลอดไป การรำลึกจึงมีประโยชน์ในแง่มุมของความสุขและความสำราญใจอย่างหาที่สุดมิได้ เปรียบดังแม่น้ำที่คอยช่วยเยียวยาจิตใจให้รอดพ้นปัญหาของชีวิตกันเลยทีเดียว แต่ข้อเสียของมันก็ย่อมมีมาก ถ้าเราใช้มันไปเพื่อความสุขส่วนตนมากกว่าความสุขมวลรวม การเปลี่ยนแปลงจึงต้องปรากฏเด่นชัดขึ้นในความเป็นจริง.

ภาพสะท้อนของความรู้สึก

ยิ่งเรามีความสุขกับอดีตมาก เราก็จะยิ่งถอยห่างจากปัจจุบันขณะแล้วถ้าเรายิ่งถอยห่างจากปัจจุบันขณะมาก เราก็จะยิ่งห่างไกลความเป็นจริง ความต่อเนื่องของเหตุการณ์ก็จะเปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิง มันเหมือนปัจจุบันขณะนี้ไม่ใช่ความเป็นจริงอีกต่อไป แต่มันดูฉาบทาด้วยอดีต มันคือความรู้สึกที่หวนระลึกถึงความหลังจนไม่สามารถปะติดปะต่อภาพกับปัจจุบันนี้ได้อีกแล้ว เรียนรู้ที่จะฝึกฝนตนเองที่จะก้าวข้ามผ่านอดีต ไม่ว่ามันจะมอบความรู้สึกอะไรให้แก่เรา มันก็จะเป็นเพียงแค่อดีต รวมไปถึงมันก็จะเป็นเพียงแค่ความรู้สึกส่วนลึก ที่เราไม่สามารถจะกลับไปแก้ไขอะไรได้อีกแล้ว นอกเสียจากเราเริ่มต้นทำวันนี้ให้ดีที่สุดอย่างสิ่งที่เราปรารถนาให้เป็นไป.

หากเราลองเรียนรู้ที่จะมีสติอยู่กับปัจจุบันขณะ มันก็จะเป็นเสมือนความจริงที่ไม่มีวันจากลาไปไหน การย้อนเวลากลับไปจึงโมฆะไปโดยปริยาย ความสุขมวลรวมก็จะเป็นเพียงแค่สายใยของความคิดในสิ่งที่เราวาดฝันไว้ ลองจินตนาการในวันที่เราไม่นึกถึงอดีต ไม่อาลัยอาวรณ์กับสิ่งที่ผ่านไปแล้วดู มันคงจะเป็นวันที่เรามีความสุขมากที่สุดวันหนึ่งเลยทีเดียว ให้ชีวิตมันเป็นไปตามธรรมชาติ ทั้งความคิด จิตใจ และจิตวิญญาณ สะท้อนกลับไปยังจุดเริ่มต้นว่า เราทำสิ่งนั้นไปแล้วมันก็ย่อมดีที่สุดไปแล้วเช่นกัน ไม่มีสิ่งใดควรกลับไปแก้ไข นอกเสียจากเราทำวันนี้ให้เหมือนเราไม่เคยมีเมื่อวาน แล้วความสุขอันเอ่อล้นก็จะเข้ามายังที่จิตใจของเราเอง.

ทำวันนี้เหมือนวันนี้เป็นวันสุดท้าย

ยิ่งเราอยากกลับไปแก้ไขสิ่งใด เราก็จะยิ่งไม่เข้าใจตัวตนที่เราเป็นมา หากเราไม่มีวันนั้น ก็คงไม่มีเราในวันนี้ สิ่งใดเกิดขึ้น สิ่งนั้นย่อมดีเสมอ ประโยคดังกล่าวย่อมใช้ได้จริงทั้งในยุคนี้ หรือยุคใด ๆ ก็ตามแต่ ความคิดของเราอาจจะยังไม่ชัดแจ้งกับสิ่งที่มันเกิดขึ้น แต่อย่างน้อยให้เราค่อย ๆ ฝึกฝนที่จะต้อนรับการเปลี่ยนแปลง น้อมรับความจริงที่ว่าเราไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้ นอกเสียจากเปลี่ยนแปลงที่ตัวของเราเอง กระนั้น ชีวิตก็เป็นเหมือนภาพต่อเนื่องของการกระทำที่ไม่มีวันบรรจบกันได้ มันไม่สามารถบ่งชี้ถึงจุดเริ่มต้นหรือจุดจบ เพียงแต่แค่มันมีอยู่แล้วก็ดำเนินต่อไปเป็นเส้นคู่ขนานกับเวลาชีวิตเราก็เท่านั้นเอง ไม่มีสิ่งใดคงอยู่ และไม่มีสิ่งใดจากไป.

วันสุดท้ายของชีวิตจะค่อย ๆ ย่างกรายเข้ามาเหมือนเสือที่คอยขยุ้มกวางตัวน้อย ๆ มันขึ้นอยู่ที่เรา ว่าเราจะเป็นเสือหรือเป็นกวาง สิ่งนี้เราสามารถเลือกสรรได้ตลอดเวลา ชีวิตเป็นสิ่งที่เราเลือกได้ในสิ่งที่พอเป็นไปได้ แต่บางสิ่งบางอย่างเราก็เลือกมันไม่ได้ เช่น เราไม่สามารถเลือกว่าจะเป็นเสือกับกวางพร้อมกัน หากเราต้องการเป็นเสือ เราต้องคอยดูวันเวลาที่ผ่านพ้นไป แต่ถ้าหากเราเป็นกวางเราก็จะใช้ชีวิตอย่างเพลิดเพลิน โดยไม่สนใจว่าวันนี้ควรทำอย่างไรมากที่สุด การเรียนรู้จะไม่มีคำว่าสายเกินไป วันนี้เป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้น ถ้าเราเริ่มได้เร็วชีวิตก็จะมีความสุขได้เร็ว หากเราเริ่มต้นช้า มันอาจจะทำให้เราสูญเสียความสุขไปบ้าง แต่อย่างน้อยเราก็ไม่เป็นเหยื่อของวันเวลา แต่เราจะใช้วันเวลาที่ผ่านพ้นไปอย่างทรงพลัง.

ธรรมะเท่านั้นที่อยู่กับเรา

เราพบผู้คนหรือสิ่งใดก็เพียงเพื่อการเรียนรู้ เราไม่สามารถดึงรั้งสิ่งใดไว้ได้ เราควรจะให้ความสำคัญกับความทรงจำที่ดี มากกว่าความทรงจำที่ไม่ดี เพราะเมื่อเราแก่ตัวไป เราจะค้นพบว่าสมองเราจะเลือกจดจำแต่เหตุการณ์ที่มีความหมายต่อความรู้สึกเราเท่านั้น สิ่งใดไม่มีความหมายต่อความรู้สึก เราก็จะลืมมันไปอย่างรวดเร็วโดยที่เราไม่ทันสังเกตว่า ชีวิตเรามีการเปลี่ยนแปลงไปถึงเพียงนี้เลยหรือ สิ่งที่หลงเหลืออยู่ก็คงเป็นเพียงแค่ความจริง หรืออีกชื่อเรียกหนึ่งนั่นก็คือธรรมะ เรามีธรรมะตั้งแต่เกิดจนตาย ระหว่างทางก็เป็นเพียงแค่ส่วนต่อขยายของความคิด คำพูด และการกระทำของเรา จงเลือกสรรการกระทำให้ได้มากกว่าสิ่งที่พบเจอ.

ผู้คนอื่นก็ย่อมเป็นผู้คนอื่น เราใช้โลกนี้ไว้เพื่อการแสดงออกของจิตใจเราเท่านั้น มันเป็นเหมือนเวทีอันกว้างใหญ่ไพศาลที่มีตัวละครมากมาย เราสามารถเลือกสรรที่จะเป็นใครก็ได้ตามความตั้งใจของจิตเรา แต่เราจะไม่สามารถเป็นใครตามความอยากได้ใคร่มีเลย ตระหนักรู้ให้ได้ว่าทุกบทบาทที่เราได้รับล้วนมีเหตุผลของมันเสมอ ไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้นโดยบังเอิญ ไม่ว่าวันนี้หรืออดีตที่ผ่านพ้นมา อนาคตมันกำลังจะมาเยือน แต่ก็ย่อมเป็นสิ่งที่พอทำความเข้าใจได้ว่า มันมาเพื่อสิ่งใด ถ้าเราลองสังเกตตัวเอง เรียนรู้ที่จะยอมรับอดีต ปัจจุบันนี้ก็ย่อมเป็นวันของเรา รวมไปถึงเงินทองและความสำเร็จก็จะปรากฏเด่นชัดมากยิ่งขึ้น ถ้าเราใช้ชีวิตตามธรรมะหรือตามความเป็นจริงนั่นเอง.