เหตุการณ์ในชีวิตมาย้ำเตือนเราว่า ยิ่งเราปรารถนาสิ่งใด สิ่งนั้นจะจารึกไปที่จิตใจอย่างเหนียวแน่น บางครั้งเราก็ไม่สามารถจะไปกำหนด หรือกะเกณฑ์ว่าจะให้สิ่งใดอยู่ สิ่งใดไป แต่อย่างน้อยที่สุด เราก็อย่าหลงลืมว่า เราสามารถเลือกที่จะเริ่มต้นใหม่ได้ หรือว่าหวนรำลึกถึงแต่อดีตที่มันผ่านพ้นมาแล้ว จงเรียนรู้ในชีวิตว่าวันนี้คือวันที่ดีที่สุด ถึงแม้วันนี้จะเป็นวันที่เลวร้ายสำหรับเรา แต่อย่างน้อยเราก็ยังมีสติ อยู่กับปัจจุบันนั่นเอง.
อดีตเป็นเพียงความทรงจำที่มิอาจลืมเลือน
มีหลายคนที่ถูกอดีตกลับมาหลอกหลอน ไม่ว่าจะเป็นความทรงจำในวัยเด็ก ที่ผ่านประสบการณ์มาอย่างยากลำบาก บางคนถึงขั้นเจอสิ่งที่เลวร้ายที่สุดในชีวิต แถมมิหนำซ้ำยิ่งโตขึ้นไปก็ยิ่งหวาดกลัวกับเหตุการณ์เก่า ๆ ว่าจะหวนย้อนกลับมาหรือไม่ แต่หากว่าเราใช้ชีวิตกันอย่างเข้าใจ เราจะตระหนักรู้ได้เลยว่า ชีวิตก็เป็นเพียงบทละครบทหนึ่ง ที่เราเป็นผู้เล่น หรือผู้กำกับก็เท่านั้น อดีตมีไว้เพื่อย้ำเตือนว่าเราเคยประสบพบเจอเรื่องราวต่าง ๆ ก็เท่านั้นเอง หากเรายิ่งอยากลืม เราก็กลับจำมันมากขึ้นกว่าเดิม สิ่งทั้งหลายทั้งมวลที่เราพยายามจะทวนกระแสความเป็นจริงนั้น จะยิ่งรัดเราแน่นขึ้นเรื่อย ๆ การปล่อยวางและแค่เข้าใจมันไปว่า ทุกอย่างที่เกิดขึ้นมันผ่านไปหมดแล้ว.
ความเจ็บปวดมันเป็นเพียงแค่ภาพจำภาพหนึ่ง เราไม่จำเป็นจะต้องไปผลักไสไล่ส่งภาพ ๆ นั้นออกจากชีวิตเราไป คงไม่มีใครในโลกลืมสิ่งที่ประสบพบเจอไปได้ เพียงแค่เราปรับตัวให้เข้ากับมันให้ได้ก็พอแล้ว สิ่งนี้อาจจะเป็นสิ่งที่จำเป็นกว่าการลืมเลือนก็เป็นได้ ทุกสิ่งที่ผ่านเข้ามาล้วนมาบอกกับเราว่า มันไม่มีใครอยากให้เราเจอเรื่องราวแย่ ๆ ทว่า มองกันให้ดี ๆ แล้วก็จะพบว่าเรื่องราวก็เป็นเหมือนตอน ๆ หนึ่งของบท ๆ หนึ่งเท่านั้นเอง มิได้มีความสลักสำคัญอะไรกับชีวิตมากนัก เพราะหากเราเข้าใจว่าชีวิตคือภาพยนตร์ มันก็แค่ผ่านมาแล้วก็ผ่านไป ท้ายที่สุดแล้วเราก็จะไม่ได้อะไรจากมัน นอกเสียจากประสบการณ์ในชีวิต.
อยู่ที่เราเลือกจำ
ถ้าเรามีตัวเลือกระหว่าง เลือกจำไปตลอดชีวิต กับเลือกที่จะลืมไปตลอดชีวิต เราจะเลือกอะไร ไม่ว่าทั้งความสุขและความทุกข์ เราจะได้แค่ตัวเลือกเดียวเท่านั้น หากคุณค้นพบว่าถ้ามันเป็นความทุกข์ เราขอลืมไปตลอดชีวิต แต่ถ้ามันเป็นความสุข เราขอจำไปตลอดชีวิต แต่กระนั้นชีวิตไม่ได้ออกแบบมาให้เราจำจดอะไรนานอยู่แล้ว ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคลว่า เขาเหล่านั้นมีความทรงจำเป็นรูปแบบใด บางคนจำแค่ความรู้สึก บางคนก็จำได้ทั้งเรื่องราว หรือบางคนจำอะไรแทบไม่ได้ แล้วมันก็ไม่ได้แปลว่า คนที่จำเก่งจะสุขหรือทุกข์มากกว่า เพียงแต่คนเหล่านั้นเขามีวิธีจัดการความทรงจำที่แตกต่างกันไป มันคือทักษะของการเลือกจำ.
แม้ว่าการเลือกจำ จะเป็นทักษะที่จำเป็นอย่างยิ่งแล้ว มันก็ยังเป็นสิ่งที่ทำให้เรารู้ว่าวันนี้เราควรทำอะไรมากที่สุด เช่น เรารู้ว่าสิ่งใดที่เราเจอ มีดีมีแย่ต่างกัน ให้สมองทำหน้าที่เหมือนตัวกลั่นกรองเรื่องราวออกมา นำสิ่งที่ไม่ดีทิ้งไป และนำสิ่งที่ดีไปใช้ แบบนี้ไปเรื่อย ๆ โรงงานที่เรียกว่าสมองของเรา ก็จะทำงานเป็นระบบระเบียบมากยิ่งขึ้น ปัญหาที่เราเจอและคิดว่าไม่สามารถแก้ไขได้จริง ๆ ก็ยังไม่ต้องรีบแก้ไข แต่ปัญหาที่เราจำเป็นจะต้องได้รับการแก้ไขโดยด่วน ก็จำเป็นจะต้องรีบแก้ไขเลยทันที ภาพความทรงจำก็จะค่อย ๆ เป็นระเบียบมากขึ้น ก็เพียงเพราะเราจัดลำดับให้กับความทรงจำ โดยที่ไม่ปล่อยให้เราจำสิ่งที่เป็นขยะมากเกิน หรืออะไรที่มันไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้นั่นเอง.
หลีกเลี่ยงที่จะหนีปัญหา
บางครั้งการอาลัยอาวรณ์ก็เป็นอารมณ์ที่เราถวิลหาความสุข โดยหลงลืมไปว่าความสุขไม่ใช่เป็นมาตรวัดที่เถรตรงนัก ยกตัวอย่างเช่น ความสุขที่เพิ่มขึ้นไม่ได้แปลว่า เราจะมีอารมณ์เพลิดเพลินเสมอไป แต่กลับกลายเป็น เราลองลดความทุกข์ลง นี่อาจจะเป็นคำตอบของชีวิตกว่ากันว่า เราจะมีความสุขที่เพิ่มมากยิ่งขึ้นรึเปล่า เพราะถ้าหากเรามัวแต่จะไปเพิ่มความสุข แล้วเราลืมลดความทุกข์ลง มันก็จะเหมือนว่าเราลืมสิ่งที่สำคัญที่สุดไป ก็คือการเผชิญหน้ากับปัญหา ลองท้าทายกับปัญหาดู ไม่ใช่เพียงแต่เราจะสร้างความตื่นเต้นให้กับชีวิต แต่เรายังได้ตอบคำถามอันมากมายที่เราเคยตั้งคำถามว่า ชีวิตนี้เราต้องการอะไรกันแน่ อย่างน้อยที่สุดมันก็คือสิ่งที่เราทำเพื่อตัวเราเองทั้งนั้น ไม่ใช่ว่าเราจะไปทำอะไรให้กับใคร.
ความทรงจำมันติดตามเราไปยิ่งกว่าเงาติดตามตัวเราด้วยซ้ำ เพราะว่ามันเป็นเหมือนกับเครื่องจักรสังหาร ที่คอยตามล่าชีวิตเราไปทุกหนทุกแห่ง ไม่ยอมลดละเลิกกันเสียที ทว่า ชีวิตเราก็ต้องเดินหน้าต่อไป หยุดพักนานความขี้เกียจก็กัดกินจิตใจเรากันไป แถมเราก็จะหลงลืมไปด้วยว่าชีวิตนี้ต้องการอะไรกันแน่ สุดท้ายแล้วชีวิตเราก็จะไม่เหลืออะไร นอกเสียจากความว่างเปล่าของความทรงจำ ที่เราไม่เคยคิดจะเก็บเกี่ยวอะไรมาเลย ชีวิตก็เฉกเช่นเดียวกันกับต้นไม้ ที่มันขึ้นอยู่กับเราว่าเราต้องการให้ต้นไม้เราเป็นรูปร่างแบบใด เราสามารถยืนหยัดต่อสู้กับลมพายุได้หรือไม่ ปัญหามันก็เป็นเพียงสิ่งที่ผ่านเข้ามาเพื่อทดสอบเรา.
แล้วทุกอย่างจะผ่านไป
ไม่มีอะไรคงอยู่ถาวร และไม่มีอะไรคงอยู่ตลอดไป เราเรียนรู้ในชีวิตกันทุกวัน แต่เราอาจจะเพิกเฉยสิ่งที่สำคัญที่สุดไป นั่นก็คือความจริง หากความจริงเป็นเพียงเงาสะท้อนของโลกใบนี้ เราเป็นเพียงผู้มาเยือน ต่อมาเราก็ได้อาศัย สักพักเราก็ได้ยึดพื้นที่นั้นเป็นของเรา ไม่ว่าพื้นที่บนโลกนี้จะเป็นของใคร วันหนึ่งมันก็จะเปลี่ยนผ่านกันไปตามสิ่งที่ควรจะเป็น ไม่มีอะไรคงทนและถาวร เพียงแค่ทุกสิ่งหมุนเวียนเปลี่ยนไปตามกาลเวลา เวลาเป็นเพียงสิ่งเดียวที่ทำให้เราหลงลืมบางสิ่งไป แต่แน่นอนว่าเราก็ได้บางสิ่งกลับคืนมา นั่นก็คืออดีต แล้วอดีตมันก็เป็นเหมือนดาบสองคม เพราะมันอยู่ที่เราเลือกใช้มัน ถ้าเราใช้มันผิดมันจะทำลายตัวเราเอง แต่ถ้าใช้มันถูกมันจะทำให้เรารอดจากภยันตรายทั้งปวง.
ถ้าวันนี้เรายังมีความสุข จงระลึกรู้ไว้ว่ามันเป็นของชั่วคราว และถ้าวันนี้เรายังมีความทุกข์ จงระลึกไว้ว่ามันเป็นของชั่วคราวเฉกเช่นเดียวกัน วันนี้เรายังนึกถึงเรื่องราวในอดีต ก็เพราะเราไม่สามารถคว้าปัจจุบันนี้ไว้ได้ทัน เมื่อใดก็ตามที่เรารู้ชัดว่าวันนี้ เป็นวันที่ล้ำค่าที่สุด มันคือวันของการกำหนดอนาคตอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ วันหนึ่งพอเราผ่านทุกสิ่งทุกอย่างมาได้ เราจะพบว่ามันเป็นเพียงแค่วัน ๆ หนึ่ง เราจะยิ้มและหัวเราะไปกับความทรงจำเหล่านีั ดูเหมือนว่ามันจะเป็นเพียงแค่เศษเสี้ยวของความรู้สึก แล้วอะไรล่ะที่สลักสำคัญต่อเราจริง ๆ วันนี้หรืออดีต จงเรียนรู้กับสิ่งที่ล้ำค่า ก่อนที่อะไร ๆ จะสายเกินไป เพราะคำว่าสายเกินไปอยู่ที่วันนี้.