#30 ความเหมือน

ความเหมือน

บางทีสิ่งที่เหมือนกัน หรือว่าคล้ายกัน มันอาจจะบ่งบอกถึงเหตุกับผลที่ตรงกันก็ได้ หากเราพิจารณากันอย่างถี่ถ้วนแล้ว ชีวิตก็ย่อมมาบอกอะไรกับเราบางอย่างเสมอ อย่างเช่น เหตุการณ์ในอดีตก็ล้วนมีผลมาจาก สิ่งก่อนหน้านี้แล้วไอสิ่งก่อนหน้านี้ก็ล้วนมาจากสิ่งก่อนหน้านั้นอีกที ความเหมือนกันของสิ่งหนึ่งที่ถักทอเป็นโชคชะตาก็คือ เราจะเป็นในสิ่งที่เราต้องการจะเป็นผ่านการกระทำ ความคิด และคำพูด อยู่ร่ำไป เมื่อวันใดเรารู้ชัดแล้วว่าความเหมือนกันของสรรพสิ่งล้วนมาจาก เหตุที่เหมือนกัน ผลก็ย่อมไม่แตกต่างกันฉะนั้น.

เหตุการณ์ในอดีต

เมื่อวันหนึ่งเราเรียนรู้จากเหตุการณ์ในอดีตว่า มันเกิดขึ้นจากสิ่งใดกันแน่ เราจะเรียนรู้ได้โดยทันทีว่า ทุกสิ่งเกิดขึ้นมาเพราะต้นเหตุนั้นเหมือนกัน ผลลัพธ์จึงได้ค่าสุทธิเดียวกัน เรื่องของความรู้สึกไม่เคยโกหกกันได้อยู่แล้ว แต่บางครั้งเหตุการณ์ในอดีตก็มิอาจนำมาปรับใช้ในอนาคตได้อย่างทั้งหมดทั้งมวล บางครั้งมันก็เลยกลายเป็นว่าเราไม่ได้สนใจและเพิกเฉย ประสบการณ์ในอดีตไปโดยปริยาย จุดต้นตอของปัญหามันจะเหมือนกับตอนที่เรานั้นไม่ได้เรียนรู้ แล้วก็ทำผิดซ้ำซากในเรื่องเดิม ๆ ต่อ ๆ ไป การใช้เหตุการณ์ในอดีตมาปรับใช้กับอนาคตจึงเป็นเรื่องที่สำคัญอย่างยิ่ง มันเหมือนเป็นห้วงของเวลาที่ทับซ้อนกันอยู่.

ปัญหาของคนเราไม่ใช่เพราะเราไม่สามารถล่วงรู้อนาคตได้หรอก แต่ปัญหาของคนเราส่วนใหญ่ก็คือ เราเพิกเฉยมันมาตลอด เหตุการณ์แต่ละเหตุการณ์นั้นเกิดขึ้นซ้ำไปซ้ำมา เหมือนหนังม้วนเดิมที่เกิดขึ้นเป็นตอน ๆ มันไม่เคยผิดแผกไปจากอดีตเลย เพราะเราไม่เคยเรียนรู้อะไรได้จากอดีตด้วยซ้ำไป เราก็แค่ใช้ชีวิตเหมือนเดิม วนไปเรื่อย ๆ จนกว่าเราจะไปพบเจอความสุขที่เราตามหา แต่ก็หารู้ไม่ว่า ปัญหาในอนาคตเป็นสิ่งที่จะต้องจบแบบเดิม มันอาจจะไม่ได้เปลี่ยนวิถีชีวิตของเราไป หากว่าเราไม่ยอมเปลี่ยนแปลงตัวเองตั้งแต่วันนี้ เพราะคำว่าวันนี้จึงเป็นวันที่สำคัญที่สุด มันเป็นจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงตัวเอง.

เหตุการณ์ในอนาคต

เมื่ออดีตเป็นตัวต้นเหตุของอนาคต สิ่งที่เป็นอนาคตจึงเรียกว่าผลผลิตจากอดีตทั้งหมดทั้งมวล แล้วคำว่าเหตุต้องตรงกับผลย่อมตราตรึงในจิตใจเสมอมา ไม่มีคำใดจะสลักสำคัญไปมากกว่าทุกอย่างเป็นไปตามเหตุหรอก ความเหมือนกันของห้วงเวลาก็คือ ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปเลยไม่ว่าจะเดินทางไปไกลสักเพียงใด ต่อให้คุณเดินทางจากจุดเริ่มต้น แต่ถ้าคุณยังเดินทางไปด้วยความไม่รู้ หนทางของการเดินทางนั้นก็จะตอบกลับมาว่า ‘ไม่รู้’ เฉกเช่นเดียวกันกับคำถามที่คุณตั้งเอาไว้ตอนแรก สุดท้ายแล้วชีวิตก็มาบอกกับคุณว่า “เดินต่อไปเรื่อย ๆ ก็แค่เดินไปเรื่อย ๆ ไม่ต้องสนใจอะไรทั้งนั้น ก็แค่เดิน” บางทีเราอาจจะพบเจอแต่ความว่างเปล่าที่ปลายทางก็เป็นได้.

วันใดที่เราเริ่มตั้งคำถามกับมัน เราหยุดที่จะครุ่นคิดสักนิดนึงว่า วันนี้เราต้องการอะไรมากที่สุดในชีวิตกันแน่ เหตุการณ์ในอดีตมันส่งผลอะไรต่อเรา ทำให้เรามาเป็นคนนี้ ณ ที่เป็นอยู่ตอนนี้จริง ๆ แล้วเรามีความคิดอะไรเปลี่ยนแปลงไปบ้างไหมจากอดีต หรือว่าเราเปลี่ยนแปลงไปเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ชีวิตโดยรวมแล้วดูเหมือนเดิมไปหมดเลย เหมือนยิ่งเดินก็ยิ่งวน ยิ่งรู้สึกอยากออกก็ยิ่งต้องกลับมาตรงจุดเริ่มต้น มันเหมือนกับตอนแรกที่เรารู้สึก แล้ววันนี้ก็ยังรู้สึกเหมือนเดิมอยู่เลย สิ่งต่าง ๆ ที่พรั่งพรูออกมาจากความรู้สึกส่วนลึก มันกำลังส่งสัญญาณเตือนให้กับคุณได้รับรู้ว่า “ต้องทำอะไรสักอย่างแล้วล่ะ ไม่งั้นมันจะไม่มีวันแก้ไขอนาคตได้อย่างแท้จริงนะ” สัญญาณนี้จะมาเป็นเครื่องเตือนใจว่าต้องเร่งและรีบเปลี่ยนวิถีชีวิตให้มากที่สุด.

การเปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อย

คำว่าทุก ๆ วัน เป็นเหมือนคำที่ศักดิ์สิทธิ์คำหนึ่งเลยก็ว่าได้ ยิ่งเราเปลี่ยนตัวเองทีละเล็กทีละน้อย ชีวิตเราก็เริ่มจะเปลี่ยนแปลงไปเรื่อย ๆ เหมือนน้ำหยดทุกวันใส่ตุ่ม สักวันตุ่มย่อมเต็มด้วยน้ำฉะนั้น เราสร้างความแตกต่างจากความเหมือนได้ โดยการทำเหมือนเดิมทุก ๆ วัน แต่ให้มันแตกต่างจากอดีตที่ทำมาก็เท่านั้นเอง จับหลักให้ถูกแล้วเน้นที่การกระทำซ้ำ สิ่งใดทำทุกวันสิ่งนั้นย่อมมีอานุภาพมหาศาล เหมือนกับกลไกทางธรรมชาติได้ออกแบบให้เรารู้จักกับการกระทำออกไป เมื่อวัตถุหนึ่งเคลื่อนที่ ก็ย่อมทำให้อีกวัตถุหนึ่งเคลื่อนไหวตามไปด้วย การทำวิถีแบบเดิมวัตถุย่อมเคลื่อนย้ายไปในวิถีเดิมเช่นเดียวกัน การกระทำเพียงเล็กน้อยย่อมมีผลมากในระยะยาว.

ย้อนกลับไปในจุดกำเนิดของสิ่งมีชีวิต การที่เรามองสิ่งต่าง ๆ ว่าทุกอย่างเหมือนกันหรือแตกต่างกัน จริง ๆ แล้วอะไรบ้างล่ะที่เหมือนกัน และอะไรบ้างล่ะที่แตกต่างกัน จุดเริ่มต้นของธรรมชาติล้วนเหมือนกันก็คือ สิ่งมีชีวิตดิ้นรนเพื่อแสวงหาการเอาตัวรอด แล้วนี่ก็เป็นสิ่งขับเคลื่อนภายในสิ่งมีชีวิตทุกอย่าง ตราบใดที่ยังมีลมหายใจตราบนั้นเราก็ย่อมมีความเหมือนกันในทุก ๆ สิ่งที่มีชีวิต หากว่าความแตกต่างกันมันอาจจะเป็นเพียงรูปร่างภายนอก แต่จริง ๆ แล้วการประกอบเข้าด้วยธาตุทั้ง 4 ของสิ่งมีชีวิตก็ย่อมเหมือนกันอยู่ดี ไม่ได้ผิดแผกจากกันสักเท่าไร มนุษย์นั้นสรรหาความแปลกแยกแตกต่างกันเข้ามาเองด้วย ไม่ใช่ความแตกต่างที่แท้จริง.

เหตุไม่เปลี่ยนผลก็ย่อมไม่เปลี่ยน

สิ่งสำคัญของชีวิตก็คือสาเหตุของทุกสิ่ง ความเหมือนกันย่อมเกิดเพราะสิ่งนี้เท่านั้น นอกนั้นล้วนเป็นความแตกต่างทั้งหมด เมื่อเราทำสิ่งใดก็ตามลงไปด้วยวิถีทางแบบเดิม ท้ายที่สุดแล้วเราก็ต้องเปลี่ยนแปลงสิ่งต่าง ๆ ที่สาเหตุของมันอยู่ดี ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น สิ่งต่าง ๆ ยังคงหมุนเวียนแบบเดิม โลกยังคงเป็นโลก น้ำก็ยังคงเป็นน้ำ ดินก็ยังคงเป็นดิน ไฟก็ยังคงเป็นไฟ และลมก็ยังคงเป็นลม เพราะมันมีธาตุเฉพาะตัวของมันอยู่แล้ว ความเหมือนจึงเป็นเรื่องปกติของสิ่งที่มันมีเหตุในการเกิดเหมือนกัน การเรียนรู้เรื่องราวเหล่านี้อาจจะต้องใช้เวลาสักระยะ แต่ก็คุ้มค่ากับการเรียนรู้.

ปรัชญาว่าด้วยเรื่องของความเหมือน ก็คงจะพูดถึงสิ่งที่เราพบเจอล้วนเหมือนกัน แต่แตกต่างกันเพียงแต่ความคิดของเราที่เปลี่ยนแปลงไปเท่านั้น ทั้งนี้ ชีวิตที่เหมือนกันย่อมมีบั้นปลายที่เหมือนกันไปด้วย การสร้างความเหมือนกันจึงง่ายกว่าสร้างความแตกต่าง ความสับสนย่อมเกิดขึ้นได้ง่าย แต่ก็ขอแค่เพียงคิดให้ตรงตามเหตุผลก็พอแล้ว เมื่อรู้ชัดอย่างนี้เราจะไม่ประมาทในการสร้างเหตุที่ดี เพราะผลก็ย่อมเป็นสิ่งที่ดีตามไปด้วย แต่จงระมัดระวังในการสร้างวิถีชีวิตที่ไม่ดี เพราะเรากำลังถักทอชีวิตให้ไปเจอบั้นปลายที่ลำบาก ดั่งที่เราได้กระทำเอาไว้อยู่เรื่อยมา ความสุขไม่ใช่สิ่งที่เราจะสร้างขึ้นมาโดยง่ายแต่มันก็สร้างขึ้นจากปัญหาที่เราแก้ไขมันไปได้ก็เท่านั้นเอง.