#80 ความใจอ่อน

ความใจอ่อน

เมื่อมีแข็งก็ต้องมีอ่อน มีสุขก็ต้องมีทุกข์ และมีสิ่งใดก็ย่อมต้องเสียสิ่งนั้นไปเสมอ โลกเราใบนี้ย่อมให้ผลยุติธรรมเสมอ ถึงแม้ใจคนจะเป็นอย่างไรก็ตามแต่ ทว่า โลกใบนี้ก็ย่อมให้ผลที่เราสมควรได้รับอย่างสิ่งที่มันเป็น รับรู้ว่าความใจอ่อนในที่นี้มิใช่ความใจอ่อนที่เราจะไม่กล้าสู้กับอะไร แต่มันคือความใจอ่อนที่น้อมนำการเข้าใจและตระหนักรู้เชิงกว้างว่า เราจะได้รับอะไรก็ต่อเมื่อเราอ่อนน้อมรับสิ่งนั้นแต่โดยดี.

ฝึกฝนที่จะอ่อนน้อมโดยเริ่มจากใจของเรา

ไม่มีสิ่งใดในโลกที่จะมีคุณค่าไปมากกว่าการฝึกฝนตนเอง และการฝึกฝนตนเองอย่างไรให้ดีที่สุดนั้นไม่สามารถทำได้จริงถ้าหากว่า เราไม่มีความอ่อนน้อมโดยเริ่มมากจากใจของเราเอง จุดเริ่มต้นของชีวิตมิใช่การที่เราไปแสวงหาสิ่งภายนอก แต่มันคือการเริ่มต้นแสวงหาจากสิ่งภายใน หัดที่จะเป็นคนที่เข้าใจอะไรง่าย ๆ เขาด่าว่าเรา ก่นด่าเรา เราก็แค่รับฟัง และรับรู้ รวมไปถึงถ้าอยากมีชีวิตที่ดีขึ้นก็ต้องน้อมนำสิ่งเหล่านั้นเพื่อมาเป็นแง่งามว่า สิ่งเหล่านั้นที่เขาพูดถึงเรามันจริงหรือไม่จริงอย่างไรบ้าง แล้วถ้ามันจริงเราก็เพียงแค่น้อมรับมาปรับใช้ ส่วนอะไรที่มันไม่ก่อเกิดประโยชน์เราก็แค่เพียง นำมันทิ้งไปก็แค่นั้นเอง.

ตระหนักรู้ให้ได้ว่า ชีวิตจะรุดหน้าไปไกลกว่าที่เป็นอยู่ เราจะต้องเป็นวัตถุหรือสิ่งมีชีวิตที่ลู่ลม เปรียบเสมือนไผ่ที่ลู่ลมแม้ดูอ่อนไหว แต่ย่อมแข็งแกร่ง ชีวิตของผู้คนก็เฉกเช่นเดียวกันที่เราจำเป็นจะต้องปรับสภาพตัวเองให้เข้ากับภาชนะนั้น ๆ อยู่เสมอ อย่าทำตัวแข็งกระด้างโดยใช่เหตุ แถมมันจะนำมาซึ่งความล้มเหลวอันหาที่สุดมิได้ต่อเนื่องต่อไป สังเกตชีวิตให้ดี ๆ ว่าชีวิตที่ดีงามที่สุดเป็นอย่างไร แล้วชีวิตที่งอกเงยอย่างสมดุลนั้นดีจริงหรือไม่อย่างไร ส่วนตัวของทุกคนอาจจะมีมุมมองที่หลากหลาย แต่ยังไงแล้วก็ตามหาตรงกลางของชีวิตให้จงได้ ไม่ใช่เพียงแค่น้อมรับ น้อมนำ แต่ต้องอ่อนน้อมด้วยเสมอ เมื่อเรามีทั้งสามสิ่งนี้ อยู่ที่ใด ไปยังแห่งหนใดก็ย่อมได้.

จงเป็นน้ำที่ไปอยู่ภาชนะใดก็ย่อมได้

น้ำเป็นธาตุหนึ่งที่ปรับไปตามสภาพแวดล้อมได้มากที่สุด มันอาจจะจับต้องได้แต่บางทีมันก็อาจจะจับต้องไม่ได้ เมื่อการเปรียบเทียบตัวตนเป็นดังน้ำ ก็คงน่าจะหมายความว่า ใช้ชีวิตให้แปรเปลี่ยนตามสิ่งที่เรากำลังดำเนินไปให้ได้มากที่สุด ชีวิตที่ดีที่สุดมิใช่ชีวิตที่มีคนมาเข้าอกเข้าใจมากที่สุด แต่เป็นชีวิตที่เรารู้จักเอาใจเขามาใส่ใจเรา และรู้จักสวมรองเท้าเดียวกับผู้คนรอบข้างดูบ้าง มิใช่เป็นการทำตามใจของใคร แต่มันคือการสร้างเสริม และขัดเกลาตัวตนด้านมืดว่า ฉันเองก็สามารถที่จะทำได้เหมือนกันนะ สิ่งเหล่านี้จะช่วยหล่อหลอมให้ตัวตนของเราปรับเปลี่ยนไปยังวิถีทางที่ใช่กว่าเดิมมากขึ้น แถมยังได้ความสุขเป็นของแถม.

ภาชนะเป็นสิ่งที่ไม่สามารถปรับเปลี่ยนได้ มันคือวัตถุที่คงที่ เปรียบเสมือนธรรมชาติที่มันไม่เคยแปรเปลี่ยนให้เราเลยแม้แต่น้อย เราไม่สามารถก่นด่าโลกนี้ ถ้าเราคิดว่าโลกนี้มันอยุติธรรม รวมไปถึงเราไม่สามารถจะไปทำอะไรกับสิ่งภายนอกเราได้เลย เพียงแต่เราสามารถปรับเปลี่ยนตัวตน ความคิด และจิตใจของเราได้ตลอดเวลาทั้งชีวิต นั่นคือจุดเริ่มต้นที่สำคัญที่สุด และมันทำให้สิ่งแวดล้อมรอบข้าง อยากที่จะเข้าใจเรามากขึ้นเป็นเท่าตัว สังเกตให้ได้ว่าชีวิตเรากำลังเรียกเราไปยังจุดใดของโลกใบนี้ แล้วเราก็ค่อย ๆ เดิน ย่างก้าวอย่างใจเย็นแต่เปี่ยมไปด้วยความหนักแน่นมากขึ้นทุกวันที่เราก้าวเดิน นั่นจึงเป็นนิมิตหมายที่ยิ่งใหญ่ของชีวิตเลย.

ถ้าใจอ่อนมากไปก็ย่อมส่งผลเสีย

ธรรมชาติคือความสมดุล แต่ถ้าหากว่ามันมีอะไรน้อยไปหรือมากไป สิ่งนั้นก็ย่อมผิดเพี้ยน หรือบิดเบือนตามกันไป จงเรียนรู้ให้ได้ว่า ชีวิตไม่ได้เดินเป็นเส้นตรง เรากำลังเดินแบบเป็นวงกลมบ้าง วงรีบ้าง แล้วการเดินแบบไม่มีรูปแบบที่ชัดเจน แล้วนี่ก็คือชีวิต ชีวิตคือความผสมปนเป ไม่สามารถชี้ชัดได้เปรียบเสมือนน้ำที่เรามีสีต่าง ๆ เติมลงไปอย่างไม่มีวันจบสิ้น กว่าเราจะทำให้ชีวิตเราชัดเจนว่า เราคือใคร รวมไปถึงเราเป็นใครจริง ๆ นั้น ย่อมต้องใช้เวลาที่เติมสีให้สมดุลเท่านั้นเอง เมื่อเรามีอายุที่เพิ่มมากขึ้น เราก็ย่อมรับรู้ว่าเวลาในโลกนี้เรากำลังจะหายไปในทุกวัน แล้วมันไม่มีทางต่อรองกับเวลานี้ได้เลยว่าให้มันหมดไปช้าลงกว่านี้ได้ไหม.

การอ่อนโยนในแง่มุมที่เป็นข้อเสียก็น่าจะเป็นในเรื่องของ การที่เรายอมคนอื่นจนเกินไปและขาดความเป็นตัวเอง เรามีชีวิตที่ดีแต่เราก็อยากให้คนอื่นมีชีวิตที่ดีเหมือนกับเรา โดยเราก็หารู้ไม่ว่าชีวิตที่ดีจำเป็นจะต้องร่วมสร้าง และร่วมหมุดหมายไปยังวิถีทางที่ถูกต้อง ไม่ใช่ว่าจู่ ๆ เราจะมีชีวิตที่ดีเองตามธรรมชาติ การตระหนักถึงความคิดที่หนักแน่นมากขึ้นก็ย่อมทำให้เราไม่สงสารคนอื่นเกินไป และก็จะไม่เป็นการเบียดเบียนชีวิตตนเอง ด้วยการตัดชิ้นเนื้อตัวเองแบ่งไปให้กับคนที่ไม่รู้จักที่จะปรับเปลี่ยนชีวิตของตนเองเลย ทุกคนย่อมต้องการมีพื้นที่ของชีวิต แต่เราจะแบ่งพื้นที่นี้ได้ก็ต่อเมื่อเราเล็งเห็นแล้วว่าเขาจะเอาพื้นที่ของเรานี้ไปใช้ต่อยอดตัวตนหรือพื้นที่ของเขาต่อไปได้จริง.

เวลาชีวิตเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด

ความสัมพันธ์ที่ดีจะต้องประกอบไปด้วยความใจอ่อนเป็นสำคัญ คนใจอ่อนจะเป็นคนที่รับฟังคนอื่นมากกว่า หลีกเลี่ยงการปะทะและเข้าใจคนอื่นว่า คน ๆ นี้เขามีนิสัยอย่างไร แล้วเพราะอะไรถึงจะได้ผลลัพธ์ที่ยอดเยี่ยมในการสื่อสารที่สุด นี่คือความสามารถพิเศษของคนใจอ่อน แล้วมันก็คือการใช้เวลาทั้งหมดของชีวิตไปกับความสัมพันธ์ที่ยืนยาว คนใจอ่อนจะอ่อนไหวต่อการง้อคืนดี แถมยังหายโกรธ หายรู้สึกแย่ได้ไวมาก ๆ นี่ก็จึงเป็นข้อดีที่เราควรเอาคุณสมบัตินี้มาน้อมนำต่อไป รับรู้ว่าโลกเราใบนี้ไม่ได้แต่มีคุณสมบัติของการเข้าใจอย่างเดียว แต่ยังไงแล้วถ้าเราใช้เวลาไปกับการเข้าใจมากขึ้นมันก็ย่อมดีกว่า การที่เราไม่เข้าใจอะไรเลยมิใช่หรือ.

ถ้าโลกนี้มีสามเรื่องให้เราได้เลือก ก็คือตัวเอง คนอื่น หรือโลกใบนี้ เราจะใช้เวลาทั้งหมดไปกับอะไร เวลาย่อมเป็นสิ่งที่ย้อนคืนกลับมาไม่ได้ ไม่ว่าเราจะทำยังไงก็ตาม หากว่าเรารักษาสมดุลได้ และมองอย่างเข้าใจโลกใบนี้ เราจะย่อมเลือกทั้งสามสิ่งนี้ แล้วมันจะทำให้เราจะรู้จักบริหารเวลา แถมยังทำให้มันเป็นมาตรฐานที่เราจะสามารถอธิบายให้คนอื่นต่อไปได้ว่า เราใช้เวลาไปกับตัวเอง คนอื่น และโลกใบนี้ได้มากน้อยแค่ไหน ฝึกฝนที่จะใจอ่อน ฝึกฝนที่จะให้เวลากับทุก ๆ เรื่องในชีวิต มีอีกหลายชีวิตที่ต้องการคนใจอ่อน เพราะเขาจะมีพลังที่แผ่ซ่านของความอบอุ่นมายังสิ่งมีชีวิตอื่นอยู่เนือง ๆ แล้วมันก็จะเป็นความชุ่มชื่นของจิตใจตราบนานเท่านาน.