#82 ความเปลี่ยนผ่าน

ความเปลี่ยนผ่าน

ชีวิตที่เปลี่ยนผ่านเป็นชีวิตที่จำเป็นจะต้องเกิดขึ้นอย่างแน่นอน ซึ่งมันหลีกเลี่ยงไม่ได้เลย มันเป็นวันที่เราจำเป็นจะต้องเติบโตมากขึ้น เปลี่ยนผ่านไปยังจุดที่ดีขึ้นกว่าเดิม มันเป็นการรุดหน้าของโชคชะตา แล้วมันก็ย่อมเป็นสิ่งที่สลักสำคัญต่อมวลมนุษยชาติ กับการเปลี่ยนแปลงที่ก้าวกระโดดของสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่าปัญญาชน อย่าลืมว่าสิ่งที่เรากำลังเปลี่ยน ไม่ใช่ตัวตนของเราอันแท้จริง แต่มันคือตัวตนใหม่ในทุก ๆ วันที่เรามีประสบการณ์อื่น ๆ ที่เข้ามา.

การเปลี่ยนผ่านเป็นเรื่องของโชคชะตา

ไม่มีสิ่งใดในโลกนี้ที่ไม่มีการเปลี่ยนแปลง แล้วการเปลี่ยนแปลงนี่เองก็จะนำไปซึ่งการเปลี่ยนผ่านต่อไป เมื่อสิ่งมีชีวิตหนึ่งเกิดขึ้นมาก็ย่อมต้องมีการขยับขยายอยู่แล้วเป็นเรื่องปกติ แต่บางทีมันก็เป็นเรื่องยากที่จะเข้าใจทั้งหมดว่า การเปลี่ยนผ่านนี้จะเป็นเรื่องดีหรือไม่ดีอย่างไร หากว่าวันนี้เราไม่ชอบการเปลี่ยนแปลง แน่นอนมันก็เป็นสิ่งที่เน้นย้ำว่าเราก็มักจะไม่ชอบการเปลี่ยนผ่านไปโดยปริยาย สังเกตตัวเองให้มากว่าเรากำลังจะมีการวิวัฒนาการไปยังทิศทางใดได้บ้าง ไม่ว่าจะเป็นความสัมพันธ์ในอดีต ปัจจุบัน หรืออนาคตต่อไปนี้จะเป็นไปอย่างไร เราจึงจำเป็นจะต้องสอบทานตัวเองอยู่เนือง ๆ ว่าโชคชะตาของเรามีสาระสำคัญที่ต้องใส่ใจบ้างไหม อะไรควรต่อยอดพัฒนาหรือว่าอะไรที่ควรลดทอนลงไป.

โชคชะตาเป็นสิ่งที่วาดขึ้นมาได้ ปากกานั้นก็คือการกระทำของเราเอง แสดงว่าการเปลี่ยนผ่านก็ย่อมเป็นสิ่งที่สามารถทำนายทายทักได้เช่นกัน มันเหมือนว่าความรู้สึกนึกคิดของผู้คนทั่วไปมักคิดว่า ชีวิตวันนี้ก็คงจะเหมือนวันพรุ่งนี้ ถึงแม้การเปลี่ยนแปลงเข้ามาเราก็คงจะรับมือกับมันได้ แต่ในความเป็นจริงแล้วมันอาจจะเป็นสิ่งที่เราไม่ได้รับมือกับมันได้ง่ายขนาดนั้น ก็เพียงเพราะเราไม่รู้ว่าวันนี้ที่เรากระทำลงไปทั้งหมด มันมีกระบวนการสร้างเป็นแบบไหน ชีวิตก็จึงเป็นสิ่งที่เราต้องทำความเข้าใจบ้างบางส่วน แล้วอีกหลายส่วนก็ต้องปล่อยให้โชคชะตาดำเนินอย่างสิ่งที่มันควรจะเป็นต่อไป แต่อย่าลืมว่าเรากุมชะตาชีวิตของตัวเองอยู่ และไม่มีใครจะทำได้เท่าเราอีกแล้ว.

เติบโตเพื่อเรียนรู้จักชีวิต

สิ่งมีชีวิตทุกสิ่งมีชีวิตจะมาย้ำเตือนว่า เราสามารถเรียนรู้จักชีวิตได้ตลอดเวลา ในรูปแบบเดิมเราอาจจะเรียนรู้จักแล้วค่อยเติบโต แต่ในความเป็นจริงของโชคชะตาก็คือเติบโตไปก่อนแล้วค่อยรู้จักชีวิตในอีกแง่มุมหนึ่ง เมื่อเราเติบโตแล้วชีวิตเราก็จะได้เห็นอะไรมากขึ้นตามลำดับ ไม่ต้องคาดหวัง แต่ควรมีหวังไว้บ้าง แล้วก็อย่าสิ้นหวังอย่างเด็ดขาด เมื่อชีวิตมาสอนกับเราว่า ให้เราสร้างโอกาสให้ตัวเองได้เติบโตบ้าง ชีวิตที่เป็นอยู่ ณ ตอนนี้เป็นอย่างไร เราพอใจมันไหม หรือเราไม่พอใจอะไรเลย หากว่าเราพอใจ เราควรจะทำอะไรกับมัน แล้วหากว่าเราพอใจ เราควรจะทำอะไรกับมัน ชีวิตเป็นสิ่งเดียวที่เราสามารถตั้งคำถามได้ว่า การเติบโตในวันนี้เราได้ทบทวนในอดีตมากพอแล้ว หรือยังไม่มากพอ.

ทบทวนชีวิตในอดีตให้ได้มากที่สุดเท่าที่เราทำได้ มนุษย์มีความทรงจำที่ยาวนานกว่าสิ่งมีชีวิตอื่นก็เพียงเพื่อเราจะได้ทบทวนนั่นเอง เราจงใช้ประโยชน์จากสิ่งนี้เพื่อให้เราได้ตระหนักรู้ รวมไปถึงตกผลึกกับสิ่งที่เกิดขึ้นมา พอเราตกผลึกแล้วเราก็จะรับรู้ว่า นี่คือชีวิตหลังจากได้ผ่านพ้นมานั่นเอง ความเป็นเด็กไปสู่ความเป็นผู้ใหญ่ ความเป็นลูกไปสู่ความเป็นผู้ปกครอง ความเป็นนักเรียนไปสู่คุณครูแล้วก็สิ่งต่าง ๆ อีกมากมายที่เราจำเป็นจะต้องเป็นไปสู่อนาคตที่ดีกว่าเดิม มันจึงเป็นคำตอบว่าเราทุกคนปรารถนาการเปลี่ยนผ่านไปสู่จุดหมายใหม่ แล้วเราก็จะได้เข้าใจสิ่งรอบข้างมากขึ้น ตามเหตุตามปัจจัยอย่างสิ่งที่มันหลีกเลี่ยงไม่ได้.

เตรียมรับแรงกระแทกให้ดี

ทุกการเปลี่ยนแปลงย่อมทิ้งร่องรอยหนึ่งไว้เสมอ เช่น เวลาเราเติบโตมากขึ้นเราย่อมต้องผ่านพ้นความเจ็บปวดแสนสาหัสก่อน หากว่าการเติบโตของจิตวิญญาณไม่ได้ปรากฏเด่นชัดขึ้น ความทุกข์ก็จะยังไม่ได้อุบัติขึ้นมายังจิตใจของเราจริง ๆ นั่นจึงเป็นคำตอบแล้วว่า อายุไม่ได้เป็นตัวชี้วัดของการเติบโตเพียงอย่างเดียว แต่ความคิด ทัศนคติ รวมไปถึงวุฒิภาวะทางอารมณ์ ว่าเราสามารถรับมือกับปัญหาใหญ่ ๆ ได้มากน้อยเพียงใด แล้วเรามีมุมมองที่สดใหม่บ้างรึเปล่า ไม่ใช่ว่าเราจะมองสิ่งเดิม ๆ อย่างทื่อ ๆ แต่เราก็ต้องเข้าใจชีวิตว่า ชีวิตมาสอนเราให้เราทบทวน แล้วก็แค่รับมือกับการเปลี่ยนผ่านอย่างมีสติก็เท่านั้นเอง ทำมันให้ดีที่สุดเท่าที่เราทำได้ เพราะชีวิตหนึ่งไม่ได้มีการเปลี่ยนผ่านบ่อยนัก.

สูตรสำเร็จของชีวิตก็คือ เริ่มต้นออกเดินทาง เดินทางไปถึง เรียนรู้ เข้าใจ แล้วก็เริ่มย้อนกลับมาสู่จุดเดิมที่เคยมา นั่นจึงเรียกว่าการเดินทางของชีวิต จุดที่เราจะเจอปัญหามากที่สุดก็คือการเดินทางไปเพื่อเรียนรู้และเข้าใจ เมื่อเราเข้าใจแล้วเราก็จะเห็นใจสิ่งต่าง ๆ มากยิ่งขึ้น เช่น คนที่ลำบากกว่าเรา รวมไปถึงคนที่เขากำลังประสบความทุกข์ระทมขมขื่นอย่างหนัก เราจะรู้สึกได้ว่า สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามสิ่งที่ได้กระทำมาทั้งหมด กระนั้น ใครทำอย่างไรก็ได้อย่างนั้นย่อมเป็นคำที่สลักสำคัญต่อโลกใบนี้อย่างมาก เพราะมันเป็นคำที่ย้ำเตือนว่าให้เรารับรู้ถึงการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา วันนี้เราดี เราก็คิดไปเองว่าพรุ่งนี้จะดีต่อ ซึ่งความจริงไม่ใช่แบบนั้นเลย.

ทุกการเปลี่ยนแปลงย่อมดีเสมอ

ทุกการตัดสินใจย่อมดีเสมอ เหมือนการเปลี่ยนแปลงของชีวิตรวมไปถึงโลกใบนี้ ก็ย่อมงดงามเสมอเช่นกัน ไม่ต้องไปกังวลถึงความเปลี่ยนแปลงของชีวิตมาก ธรรมชาติจะยื่นโจทย์ที่เหมาะสมกับโชคชะตาของเราอยู่เสมอ ไม่ต้องกลัวสิ่งใดเลย เพียงเพราะโลกใบนี้จะมาคอยช่วยให้เราผ่านบททดสอบดังกล่าวอยู่แล้ว ทุกความคิด ทุกความรู้สึก และทุกสรรพสิ่งที่เราพอจะนึกตรึกได้ จะคอยอยู่ข้าง ๆ เราตลอดเวลา สิ่งเหล่านี้จะมาทำให้ชีวิตของเรา ถูกลดทอนแรงกระแทกลง แล้วเราก็สามารถยืนหยัดต่อสู้ไปได้ รับรู้ให้ได้ว่าการเปลี่ยนแปลงมาทำอะไรให้เราเข้าใจบางสิ่งหรือไม่ เพราะทุกสิ่งมาสอนเรา ทุกสิ่งมาบอกว่าอะไรก็ดีได้ ถ้ามองเป็น.

คำว่าดีเสมอไม่ได้แปลว่ามันต้องดี แต่มันเป็นการฝึกฝนมุมมองของเราว่า อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิดมิใช่หรือ หรือว่าให้เราไปก่นด่าโชคชะตาอยู่ร่ำไป สิ่งเหล่านั้นมันกลับไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้น มิหนำซ้ำยังทำให้จิตใจเราบอบช้ำหนักกว่าเก่า มันจึงเป็นที่มาของคำว่าไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นกับเรา ทั้งการเปลี่ยนแปลง เปลี่ยนผ่าน เปลี่ยนไป จะดีหรือแย่มันก็ย่อมเป็นเช่นนั้นเอง ความเป็นอย่างนั้น ๆ ก็มาบอกกับเราว่า มันก็ล้วนแต่เกิดขึ้นตั้งอยู่ แล้วก็ดับไปอยู่เสมอ ไม่มีสิ่งใดในโลกคงอยู่ตลอดไป แล้วมันก็จะเป็นแบบนี้ต่อไป ตราบเท่าที่โลกใบนี้ยังมีสิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่นั่นเอง ยิ้มรับการเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้ไม่ว่ามันจะเป็นอย่างไร ทุกการเปลี่ยนแปลงย่อมดีเสมอ.