ความผิดพลาดนั้นเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต คุณไม่สามารถหลีกเลี่ยงความผิดได้ เนื่องจากความผิดจะมาเป็นบทเรียนอันสำคัญของชีวิต บางทีคนที่ตามหาประสบการณ์ที่ดีที่สุด ไม่ใช่คนที่ทำถูกต้องไปหมดเสียทุกอย่าง แต่เป็นคนที่ผิดพลาด ‘เป็น’ ต่อยอดความผิดพลาดนั้นได้อย่างยอดเยี่ยมนั่นเอง จงเห็นประโยชน์ดัดแปลงให้เป็นบทเรียนอันล้ำค่าของชีวิต แล้วมันจะเป็นสิ่งสำคัญของชีวิต.
ผิดเป็นครู
ครูที่ดีก็ย่อมมาสอนในเวลาที่ผิดพลาด การจะพัฒนาทักษะการเรียนรู้ได้ดีที่สุดไม่ใช่การทำข้อสอบได้ทั้งหมด แต่เป็นการทำข้อสอบเท่าที่ทำได้แล้วดูเหตุผลว่า “ทำไมถึงผิดในการทำข้อ ๆ นั้น” คำตอบในข้อสอบอาจจะถูกแค่ข้อเดียวแต่ชีวิตไม่ได้มีคำตอบเดียวเสมอไป การที่เปิดโอกาสให้ตัวเองได้เรียนรู้เป็นสิ่งที่สำคัญ การได้รับประสบการณ์ในเรื่องแต่ละเรื่องก็เป็นสิ่งที่สำคัญเช่นกัน บางทีความคิดอาจจะดูย้อนแย้งกับในสังคม ที่ให้ค่าคนทำได้เกรดสี่ และคนทำถูกทั้งหมดไม่มีผิดพลาดเลย แต่ในโลกของคนที่จะมีความสุขในชีวิต หรือมีความพอใจในชีวิตก็ตาม ล้วนเกิดจากการเข้าใจในความผิดพลาดนั้น บางเรื่องอาจจะแก้ไขได้ และแน่นอนว่าบางเรื่องอาจจะแก้ไขไม่ได้.
ธรรมชาตินั้นมาสอนให้รู้ว่าอะไรที่ ‘ทำได้’ และอะไรที่ ‘ทำไม่ได้’ เพื่อที่จะให้อัญมณีอันล้ำค่าแก่ชีวิตที่เรียกว่า ‘การปรับตัว’ เมื่อไหร่ก็ตามที่ครูของความผิดพลาดมาเยือนสิ่งที่ต้องทำคือปรับตัวรับการเปลี่ยนแปลง การพัฒนาตัวเองจากจุดที่ไม่ดีแล้วปรับเปลี่ยนเป็นสิ่งที่ดีย่อมจำเป็นต่ออนาคต ทำตัวเองให้ผิดพลาดบ้างมีมุมมองที่เปลี่ยนไปจากที่จะต้องเป็นคนที่ถูกทุกอย่าง แต่จงเป็นนักผิดพลาดที่มองทุกสิ่งอย่างเข้าใจ เพื่อเป็นผู้ใหญ่ที่ดียิ่งขึ้นในทุกวัน.
ยิ่งพลาดยิ่งแข็งแกร่ง
เมื่อรู้หนทางว่าชอบสิ่งใดนั่นเป็นแค่จุดเริ่มต้นเท่านั้น ไม่มีบุคคลใดบนโลกใบนี้ที่ไม่ผิดพลาด และไม่มีบุคคลใดในโลกใบนี้ไม่แข็งแกร่งจากความผิดพลาด ก็ในเมื่อชอบในสิ่งที่ทำแล้วบททดสอบที่สำคัญคือ “ธรรมชาติจะจัดสรรบททดสอบอันยากยิ่งเพื่อให้คุณได้ตระหนักรู้ว่าคุณคู่ควรกับสิ่งที่คุณปรารถนาหรือไม่” สุดท้ายแล้วการจะครอบครองอัญมณีที่หายาก ก็ต้องมีบททดสอบที่ยากเช่นกันฉันใดก็ฉันนั้น.
ย้อนเวลากลับไปหลายหมื่นปีมนุษย์เราเป็นเพียงแค่มนุษย์ถ้ำอยู่ในป่าที่ไม่มีอารยธรรมใด ๆ ไม่มีความสลักสำคัญอะไรกับโลกใบนี้ แต่เมื่อไม่กี่พันปีที่ผ่านมาการอุบัติขึ้นของพระพุทธศาสนาได้เริ่มต้นขึ้น และผ่านพ้นมา 2562 ปีแล้ว คนที่เป็นผู้รู้เทียบเท่าพระพุทธเจ้าก็ไม่เคยเกิดขึ้นมาอีกเลยนับแต่นั้นเป็นต้นมา วันนี้เป็นวันที่การพัฒนาของมนุษย์ (อาจจะ) สิ้นสุดลงแล้ว เพราะว่าเรากำลังสู้กันเองไม่จำเป็นต้องสู้กับสัตว์เหมือนสมัยหมื่นปีมาแล้ว มันจึงเป็นสิ่งที่ยากยิ่งที่จะเห็นว่าความผิดพลาดเป็นประโยชน์ ก็ในเมื่อเราไม่จำเป็นต้องสู้กับอะไรนอกเสียจาก ‘ตัวของเราเอง’ ตัวตนในด้านมืดที่เรียกว่า ‘กิเลส’ ที่มาบอกให้เรากลัวความผิดพลาด กลัวสิ่งที่จะทำให้ฉุดเราลงแต่มันไม่ใช่หรอก การที่จะฉุดเราลงไม่ใช่ความผิดพลาดแต่เป็นการที่เรากลัวความผิดพลาดต่างหาก.
นักปราชญ์แห่งความจริง
ลองผิดลองถูกจึงก่อเกิดเหตุการณ์ที่มีความหมาย ยิ่งทำให้เหตุการณ์มีความหมายมาก ก็ย่อมได้ผลึกที่มีคุณค่า การจะสอนตัวเรา หรือคนอื่นได้ก็ต้องผ่านร้อนผ่านหนาวมามาก บางทีการผ่านร้อนผ่านหนาวมามากไม่จำเป็นต้องเจอเรื่องราวหนัก หรือเบา แต่เพียงมีสติมองที่ความจริงแล้วใช้ปัญญาไตร่ตรองให้ละเอียดถี่ถ้วนว่า ชีวิตหลังจากนี้จะเกิดอะไรขึ้น ได้รับบทเรียนอะไรมาบ้าง แล้วนำผลึกนั้นใช้ให้ก่อเกิดประโยชน์สูงสุด ไม่ว่าจะเป็นในยุคสมัยก่อนในจีนที่มีทั้งเล่าจื่อ ขงจื่อ เม่งจื่อ หรือเหล่านักปราชญ์จีนอื่น ๆ ล้วนแต่เกิดจากประสบการณ์ที่ล้วนแต่สะสมความผิดพลาดทั้งนั้น เป็นผลึกที่ไม่ได้งดงามนัก แต่เชื่อเถอะว่าทุกคนบนโลกใบนี้ย่อมเห็นสิ่งสำคัญของผลึกเหล่านั้นเพราะว่าอะไร.
การมองเห็นความจริงไม่ใช่การดูเพียงใช้ตาเนื้อแต่จำเป็นต้องใช้ตาในคือ ‘ดวงตาเห็นธรรม’ การมีดวงตานี้ย่อมเกิดจากการมองโลกที่แตกต่างไป ถ้าเมื่อไหร่ก็ตามที่มองโลกเปลี่ยนไปมองความผิดพลาดเป็นสิ่งที่ดี มองความผิดพลาดเป็นสิ่งที่จะมอบผลึกให้แก่เรา เพราะความจริงมันไม่ได้อยู่ไกลมันอยู่ตรงหน้าเรามันไม่ได้เกิดจากความคิดการปรุงแต่งใด ๆ ผลึกที่ได้มิได้งดงาม แต่เป็นการหลอมรวมที่มหัศจรรย์ที่สุดที่อุบัติบนโลกใบนี้.
ไม่ใช่สิ่งที่มองเสมอไป
ความเห็นถูกย่อมเดินไปในทางที่ถูก ความคิดที่ถูกย่อมเลือกในสิ่งที่ถูก โลกใบนี้ไม่ได้ให้ค่าอะไรไปมากกว่าเราให้ค่า ทุกสรรพสิ่งมีคุณค่าในตัวของมันเอง และทุกสิ่งเราก็ให้มูลค่ากับมันเสมอมา โลกได้นำสิ่งที่ดี และไม่ดีมา แต่ก็ไม่ได้ตัดสินว่าเราจะต้องมองสิ่งนั้นในมุมไหน ความคิดนั้นอัศจรรย์ที่สุดในบรรดาสิ่งที่สำคัญที่สุด โลกทั้งใบจะเปลี่ยนก็เนื่องจากความคิดเปลี่ยน ใครหลายคนอาจจะเคยได้ยินวลีที่ว่าด้วยเรื่อง “โลกที่คุณมองเห็นไม่ใช่สิ่งที่โลกนั้นเป็นไป แต่มันเกิดจากความคิดของคุณเองทั้งหมดว่าคุณมองโลกมันยังไง” หนังเรื่องเดียวกันยังได้ข้อสรุปมาแตกต่างกัน หนังสือเล่มเดียวกันก็ยังได้แง่มุมที่แตกต่างกันไป รวมถึงประสบการณ์ชีวิตบางอย่างก็ไม่ได้หมายความว่า “คนทุกคนต้องมองแบบนั้นเสมอไป” อย่าตัดสินผู้อื่นเพราะพวกเขาเหล่านั้นทำผิดพลาด แต่จงสังเกตผู้คนมากมายว่าเขามีแนวคิดใดบ้าง มีสิ่งใดที่กระทำหลังจากผิดพลาดนั้นบ้าง เปิดโลกทัศน์ใหม่ ๆ ด้วยการลองเปิดใจกว้าง ๆ เพื่อที่จะได้มีมุมมองที่แตกต่างกันไป.
ถ้าในเมื่อคุณอยากจะเปลี่ยนโลกทั้งใบ สิ่งที่คุณต้องเปลี่ยนก่อนเลยคือความคิดคุณเอง ที่มีต่อสิ่งต่าง ๆ แรงบันดาลใจสร้างได้จากสรรพสิ่งรอบตัวเรา แล้วอย่าลืมที่จะผิดพลาดเพื่อจะบอกคนอื่นได้ว่า “ความผิดพลาดนี่แหละที่เราถึงมีทุกวันนี้”.