ไม่ว่าดีหรือแย่ก็ยากที่จะบอกได้ วลีดังกล่าวเป็นประโยคเตือนใจแถมยังใช้ได้ในทุกยุคทุกสมัย เหตุผลที่การสำรองนั้นมีความหมายมันก็เนื่องมาจากการที่เราตระหนักดีว่า ชีวิตเป็นของไม่แน่นอน ซึ่งบริบทที่ใช้คำว่าไม่แน่นอนนี้หมายถึง ทุกสรรพสิ่งสามารถแปรเปลี่ยนได้เป็นธรรมดา เช่น มีรักก็มีชัง มีชอบก็มีไม่ชอบ มีหลงก็มีไม่หลง หรือมีสิ่งนี้ก็ย่อมไม่มีอีกสิ่งหนึ่งเป็นต้น เราจึงต้องเรียนรู้ที่จะน้อมรับเหตุการณ์ตามความเป็นจริงว่า ไม่มีสิ่งใดเป็นของเราโดยแท้จริง.
แล้วเมื่อไม่มีสิ่งใดเป็นของเราจริง แล้วร่างกาย จิตใจ รวมไปถึงของที่เราหามาได้ล่ะ มันหมายถึงสิ่งใดกันแน่ คำตอบนั้นก็ง่ายมากขึ้นว่าทุกอย่างสำเร็จได้ด้วยใจ ใจนี้เป็นตัวสร้างทุกสิ่งให้เกิดขึ้น ถึงแม้เราจะไม่สามารถล่วงรู้ได้ทุกสิ่งอย่าง แต่ใจที่ตั้งเอาไว้แล้วว่า อยากสิ่งนี้ อยากสิ่งนั้น ย่อมปรากฏเป็นรูปธรรมได้จริง แต่อาจจะต้องใช้เวลายาวนานกว่านั้น.
การเผื่อใจเอาไว้บ้างจึงเป็นเหตุผลที่สมเหตุสมผล ไม่ว่าเราจะเจอคนรักที่ถูกอกถูกใจเขาสักเพียงใด แต่จิตใจคนเราย่อมกลับกลอกไปมา เหมือนดังสายลมในฤดูหนาว ที่มันมิอาจนำพาแค่ความหนาวเย็นมาอย่างเดียว แต่ก็มาพร้อมกับความเหน็บหนาวด้วยเช่นกัน หลากหลายสิ่งบนโลกย่อมเป็นดาบสองคม มีดีได้ก็ย่อมมีร้ายได้ หากเราใช้ความรักไม่เป็นมันก็จะทำลายตัวเราในท้ายที่สุด.
อย่าประมาทในการใช้ชีวิต รู้จักสำรองใจเอาไว้บ้าง มันจะมีประโยชน์มากในวันที่ทุกสิ่งที่เราคาดหวัง ไม่ได้เป็นอย่างสิ่งที่เราคาดหวังเอาไว้ทั้งหมด ไม่มีใครรู้ว่ามันจะจบลงแบบไหน แต่เรารู้แค่ว่าวันนี้เราเผื่อเหลือเผื่อขาด แน่นอนว่าไม่มีใครครุ่นคิดถึงวันแย่ ๆ เพราะมันยังมาไม่ถึง แต่โลกนี้หรือธรรมชาตินี้ย่อมมาบ่งชี้ว่า ทุกอย่างหมุนวนเวียนอย่างไม่รู้จบ.
วัฏจักรที่มีการเกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไปอยู่ตลอดเวลา เป็นตัวบ่งบอกว่าให้เราเร่งเรียนรู้ที่จะปรับตัว เปลี่ยนแปลงบางสิ่งให้เข้ากับสถานการณ์ตรงหน้า วันใดที่เรานิ่งนอน วันหน้าเราจะทุกข์ระทม แต่วันใดที่เราทุกข์ระทม วันหน้าเราจะสบาย สองสิ่งกลับกัน เป็นมุมสะท้อนของจิตใจว่าอย่าหยุดที่จะเตรียมพร้อมในวิกฤตของอนาคตกาล ยังไงมันก็เข้ามาแน่นอนแต่แค่วันไหน เราไม่มีทางกำหนดรู้ได้เลย.
สำรองเผื่อใจเอาไว้บ้าง เพราะมันจำเป็นอย่างยิ่งในวันที่ทุกอย่างเป็นปฏิปักษ์กับเรา
ศุภกิตติ์ กิติมหาคุณ