การมองมุมกลับ

การมองมุมกลับ

ชีวิตประจำวันที่เราผ่านพ้นไปยังแต่ละวันแต่ละคืนนั้น กำลังมาบ่งชี้ให้เรารับรู้ว่า บางเรื่องไม่จำเป็นต้องมองในแง่มุมใดแง่มุมหนึ่ง มันมีทั้งมุมตรงหน้า กับมุมเบื้องหลัง การฝึกสังเกตแบบนี้จะช่วยให้เราพลิกแพลงสถานการณ์ได้ แถมเรายังสามารถเข้าใจถึงเหตุการณ์เฉพาะหน้าได้อย่างแหลมคมมากยิ่งขึ้น.

เหรียญมีทั้งหมดสามด้าน นั่นก็คือ ด้านหัว ด้านก้อย และขอบเหรียญ สิ่งเหล่านี้คือการฝึกฝนในการมองมุมกลับ ไม่ใช่ทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกใบนี้ให้แง่มุมเดียว บางครั้งโลกก็สอนเราไปว่า มันไม่ได้มีแค่คำตอบเดียวเสมอไป มันยังมีคำตอบอีกมากมายที่มีคนเลือกที่จะตั้งคำถามกับบางสิ่ง เพื่อให้เราประจักษ์แจ้งในเรื่องของความสงสัยใคร่รู้ของเราได้อยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน แล้วความท้าท้ายจะอยู่ที่ มุมแต่ละมุมก็ย่อมได้คำตอบที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง.

หากเราลองตั้งคำถามไปว่า ทำไมเราถึงเกิดมาในครอบครัวนี้ ทำไมเราถึงมีรูปร่างหน้าตาแบบนี้ และทำไมเราถึงเกิดมามีความคิด จิตใจแบบที่เป็นอยู่ นั่นก็จะได้คำตอบอันหลากหลายอย่างยิ่ง ซึ่งเราก็คงทำได้แค่เพียงลองคิดในแง่มุมที่ใกล้ความจริงมากสุด ลองมองมุมกลับดูจากสิ่งที่มอง ถ้าเกิดว่าการมองนี้มันทำให้จิตใจเราเศร้าสลดหดหู่.

ความทุกข์ ความผิดหวังก็ไม่ได้ให้แง่มุมเดียวเสมอไป รวมถึงความสุข และความสมหวังก็ไม่ได้ให้แง่มุมเดียวเช่นกัน ทว่า การมองแบบด้านเดียวตลอด มันจะทำให้เราตัดสินเหตุการณ์ และบุคคลไปได้โดยง่าย เหมือนว่าเรามองสิ่ง ๆ อย่างตื้นเขิน ไม่ได้ลองให้ละเอียดถี่ถ้วนมากพอ นั่นก็จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้เราไม่ค่อยเข้าใจชีวิตอย่างสิ่งที่เป็นอยู่เท่าไรนัก หน้าที่ของเราในวันนี้คือเปิดโอกาส และเปิดรับทุกสิ่งเข้ามา ว่ามันไม่ได้มีแค่มุมเดียว.

การฝึกมองมุมกลับในช่วงเริ่มต้น เราอาจจะคิดว่ามันคิดการหลอกตัวเอง มันคล้ายกับว่าความรู้สึกของเรามันจะตีความกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว จนเราหลงลืมไปว่า ในความเป็นจริงแล้วไม่มีสิ่งใดที่ต้องคิด รู้สึก หรือตีความแบบนี้เสมอไป มันอยู่ที่มุมที่เรามอง อยู่จุดที่เรายืน และอยู่ที่พื้นฐานจิตใจเราว่า เราเป็นคนอย่างไร การรู้จักตัวเองจึงเป็นคำตอบที่ดีที่สุดที่ให้แง่มุมกับเราอย่างสิ่งที่เป็นความจริง.

ชีวิตไม่ได้มีแค่คำตอบเดียว ทุกสิ่งอย่างย่อมมีหลายแง่มุม ขึ้นอยู่กับมุมที่เรามอง

ศุภกิตติ์ กิติมหาคุณ