ทุพพลภาพ

ทุพพลภาพ

ไม่ใช่ทุกคนที่เกิดมาบนโลกใบนี้สมบูรณ์พร้อมไปเสียทุกอย่าง บางคนขาดบ้าง บางคนเกินบ้าง หรือบางคนก็ขาด ๆ เกิน ๆ สลับคละเคล้ากันไปแบบนี้อยู่ในสังคม มันจึงไม่มีใครที่ไม่มีความเป็นทุพพลภาพในตนเอง เพราะถึงแม้ร่างกายเราจะสมบูรณ์แต่จิตใจก็อาจจะไม่สมบูรณ์ตามไป.

จิตใจกับร่างกายนั้นแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง บางคนเกิดมาในตระกูลที่เพียบพร้อมทุกสิ่ง แต่จิตใจกับขาดตกบกพร่องไป ไม่มีวันที่จะเติมเต็มให้มันความสุขมากขึ้นได้ มันจึงเป็นคำถามว่าทำไมชีวิตที่ดีพร้อม ร่างกายที่ไม่มีความทุพพลภาพ แต่จิตใจกลับไม่ปกติอย่างสิ่งที่ควรจะเป็นไปจริง ๆ หรือมันอาจจะเป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติ ที่มาทำให้เราเข้าใจบางสิ่งก่อนที่เราจะจากโลกนี้ไป.

แต่คนที่มีร่างกายที่มีความทุพพลภาพ มักจะกลับกลายเป็นคนที่มีจิตใจที่แข็งแกร่ง สู้ชีวิต รวมไปถึงไม่ย่อท้อต่ออุปสรรคต่าง ๆ นานาที่เราพบเจอ สิ่งเหล่านี้อาจจะเป็นเงื่อนไขของการมีชีวิตอยู่ของธรรมชาติ เพราะว่าธรรมชาติเลือกสรรสิ่งต่าง ๆ ให้มันสมดุลกัน ไม่มีใครดีพร้อม และไม่มีใครสุขสมบูรณ์ตลอดเวลา มันมีช่องว่างเล็ก ๆ ของกันและกัน เพื่อให้เราได้ขบคิดถึงบ้าง.

ยิ่งเราตั้งคำถามกับชีวิตมากเท่าไร เราก็จะยิ่งครุ่นคิดกับชีวิตมากเท่านั้น ไม่ใช่ทุกคนที่จะเข้าใจทรัพยากรที่ตัวเองมี บางคนกลับตีอกชกหัวไปกับสิ่งที่ตัวเองมี และคอยตามหาสิ่งที่ตัวเองขาด แต่หารู้ไม่ว่าบางครั้งในชีวิต ก็อาจจะมีสิ่งที่เราต้องการอยู่แล้วก็ได้ แล้วมันก็อาจจะเพียงพอต่อการสร้างความสุข ไม่จำเป็นจะต้องไปหาสิ่งที่ขาดกันอยู่ร่ำไป แถมยังก่นด่าโชคชะตาว่าเราไม่มีเหมือนคนอื่น คนนั้นมีมากกว่า คนนั้นมีสิ่งที่จำเป็นต่อการใช้ชีวิตมากกว่าเต็มไปหมด.

ลองหันกลับมามองที่ตัวเอง สังเกตตัวเองว่าเรามีความทุพพลภาพตรงจุดใดบ้างในชีวิต แน่นอนถ้าเราพบเจอจุดที่ใหญ่ แล้วมันพอที่จะแก้ไขได้ก็ให้รีบทำ แต่ถ้าจุดใดมันแก้ไขไม่ได้จริง ๆ ก็ให้ยอมรับมันไป ชีวิตมันไม่มีสูตรสำเร็จตายตัว บางคนมีทรัพยากรน้อย แต่ก็ยังสามารถสร้างชีวิตให้ดีขึ้นได้ แต่กับบางคนที่มีทรัพยากรมากมาย ก็มิอาจทำให้ชีวิตดีขึ้นได้เลย เพราะในความเป็นจริงแล้ว ปัญญานั้นเป็นเลิศที่สุดในทุกสิ่งที่มี.

ความเป็นทุพพลภาพอาจจะไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ แต่เราฝึกปัญญาในการใช้ชีวิตให้ดีขึ้นได้

ศุภกิตติ์ กิติมหาคุณ