การเรียนรู้ที่จะทำความเข้าใจเรื่องของอารมณ์ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะคนในยุคสมัยนี้ ไม่เห็นประโยชน์ในการตามรู้อารมณ์เท่าไรนัก คนส่วนมากคิดว่าการตามใจ (ตามอารมณ์) คือสิ่งที่สมควรที่สุดแล้ว บางครั้งเราก็มองไปว่าเราจะห้ามใจไปทำไม (ไม่ตามอารมณ์) เนื่องด้วยไม่เห็นโทษของการตามใจ และไม่เห็นประโยชน์ของการห้ามใจ ความหมายของอารมณ์ที่แท้จริงคืออะไร เรานั้นเองต้องเป็นคนรู้อารมณ์เหล่านั้นให้ได้.
ความคิดส่งผลต่อคำพูด และคำพูดก็ส่งผลต่อการกระทำต่อไป เมื่อเรารู้เหตุปัจจัยของอารมณ์ให้เกิดขึ้นแล้ว เราก็จะรู้ว่า เพราะอะไรอารมณ์ถึงเกิดขึ้น แม้ว่าอารมณ์จะมีมากมายแต่ถ้าเราไม่สามารถเรียนรู้เรื่องอารมณ์ได้ มันก็ไม่สามารถที่เราจะปรับใจต่ออารมณ์นั้นได้.
การมีสติคือการรู้ตัวว่า “เรากำลังมีอารมณ์แบบนี้อยู่นะ” เมื่อเรารู้แบบนี้แล้วสิ่งที่ตามมาคือ “เราจะจัดการอารมณ์นี้ได้ยังไงดี” ความจริงของอารมณ์คือมันเกิดขึ้นตั้งอยู่และดับไป เฉกเช่นธรรมชาติอื่น ๆ เหมือนกัน เรามักจะจัดการอารมณ์เศร้ามากกว่าอารมณ์สุข เพราะจริง ๆ แล้วเรา ‘ไม่อยาก’ ได้อารมณ์เศร้ายังไงล่ะ รวมถึงเราก็ ‘อยากได้’ อารมณ์สุข นี่ไงสิ่งที่เราเพิ่มมาคืออยากและไม่อยาก เราจะจัดการอย่างไรต่อไป ก็ต้องหาคำตอบให้ได้.
สมมุติว่าเรามีอารมณ์ที่ดีเกิดขึ้น ก็ให้มีสติรู้ว่า “อ๋อ อารมณ์สุขเป็นแบบนี้นี่เอง” และเวลาเรามีอารมณ์ที่ไม่ดีเกิดขึ้น ก็ให้มีสติรู้ว่า “อ๋อ อารมณ์ทุกข์เป็นแบบนี้นี่เอง” เมื่อเราฝึกสติบ่อย ๆ เราจะรู้ว่าอารมณ์ก็เป็นเรื่องที่เข้าใจได้ไม่ยาก แต่ถ้าขาดสติ จะเกิดอาการจมอยู่ในอารมณ์นั้น และก็จะทำให้มีโอกาสเป็นโรคทางจิตใจสูงมาก ไม่ว่าจะเป็น ซึมเศร้า วิตกกังวล ขาดความมั่นใจในตัวเอง และสุดท้ายก็นำมาด้วยการไม่อยากมีชีวิตอยู่อีกต่อไป.
เมื่อเราไม่ไปตามอารมณ์ หรือยึดอยากในอารมณ์ใดอารมณ์หนึ่ง เราก็จะตระหนักรู้ได้ว่าไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นมา ก็ให้ตั้งรับให้ทันก็เท่านั้นเอง เพราะยิ่งถ้าเราขาดการเรียนรู้เรื่องอารมณ์ไป ต่อให้กินยากี่แผง ไปหาหมอกี่คน ก็ไม่สามารถแก้ไขได้ตรงจุด ก็ในเมื่ออารมณ์ของเราเอง ใครจะมาเข้าใจได้ ก็เหมือนไปนั่งรอให้คนมาเข้าใจเรา ซึ่งมันเป็นไปไม่ได้ อารมณ์เราเกิดวันหนึ่งตั้งกี่ร้อยครั้ง แถมสลับกันไปอย่างกับพายุ อย่าพยายามตามหาคนจะมาหยุดความรู้สึกนี้ แต่จงใช้เวลาที่มีให้กับตัวเองบ้าง ก็เพื่อตัวเราเองจะได้เรียนรู้ ทำความรู้จักตัวเองมากขึ้น.
จงเป็นนายอารมณ์ เมื่อควบคุมมันไม่ได้มันจะควบคุมเราแทน
ศุภกิตติ์ กิติมหาคุณ