ไม่ถูกรบกวน

ไม่ถูกรบกวน

จุดหนึ่งที่เราจะไม่ถูกรบกวน นั่นก็คือเราไม่ได้ทำอะไรเลยเป็นชิ้นเป็นอัน เพราะถ้าตราบใดที่เรายังขยับเขยื้อนอยู่ตราบนั้นเราก็ยังจะโดนรบกวนอยู่แล้ว แต่จริง ๆ แล้วเราไม่สามารถใช้ชีวิตอย่างระมัดระวังถึงขีดสุด แล้วก็บอกว่าเราไม่ถูกรบกวนจากสิ่งใด ๆ ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว มันคือการใช้ชีวิตก็เท่ากันกับเราโดนถูกรบกวนไปโดยปริยาย.

ยิ่งเรากลัวการใช้ชีวิต เราก็จะยิ่งไม่ถูกรบกวน แบบนี้น่าจะเป็นมุมมองที่ไม่ถูกต้องกันสักเท่าไร ก็ในเมื่อชีวิตคือปัญหา แล้วปัญหาก็คือส่วนหนึ่งของประสบการณ์ มันจึงมิใช่ฐานะที่เป็นไปได้เลย ถ้าเรายังมองว่าการไม่ถูกรบกวนคือการหนี หลบเลี่ยง และปฏิเสธในสิ่งที่เรากำลังพบเจอ หรือเข้ามาให้เราต้องแก้ไข ซึ่งก็ยังมีผู้คนมากมายมักตั้งคำถามไปว่า แล้วจะทำอย่างไรถึงจะไม่ถูกรบกวนอย่างแท้จริง.

เมื่อการไม่ถูกรบกวนให้อยู่รอดตลอดรอดฝั่งนั้น คือการที่เราตั้งใจฝึกฝนที่จิตใจ แทนที่จะไปเปลี่ยนแปลงสิ่งภายนอก เมื่อนั้นเราจะค้นพบว่าความหนักแน่นที่จิตใจเป็นสิ่งที่ทำได้อยู่เหมือนกัน แต่อาจจะต้องใช้ระยะเวลาสักพักหนึ่งที่ทำให้จิตใจนั้นเข้มแข็งพอที่จะเผชิญหน้ากับสิ่งที่เป็นปัญหา เพราะตามหลักแล้วจิตใจเป็นแม่บทของทุกสรรพสิ่ง ถ้าเราไม่ยอมฝึกฝนใจ ใจเรานั้นจะเปราะบาง.

ส่วนหนทางการที่เราจะไม่เปราะบางนั้น ก็จำเป็นจะต้องฝึกสติ สมาธิ และปัญญา ต่อเนื่องไปเรื่อย ๆ โดยที่เราไม่หลีกเลี่ยงอุปสรรคที่เราพบเจอ กระนั้น อุปสรรคก็เป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งที่เราต้องถูกรบกวนกันอยู่แล้ว แต่เราจะนำสิ่งที่เข้ามาหาเรา ไม่ว่าทั้งสัญญาณที่ดีและไม่ดี ก็ย่อมจะต้องเรียนรู้ในสิ่งที่เกิดขึ้นตามความเป็นจริงว่า สิ่งนี้เกิดขึ้นมาเพราะสิ่งใดกันแน่.

หากว่าทุกสิ่งที่เกิดขึ้นมาย่อมมีเหตุผลร่วมด้วยเสมอ การรับรู้สัญญาณตามความเป็นจริงได้นั้น วันหนึ่งเราจะไม่ถูกรบกวนจนเราไขว้เขวหรือเดินทางผิด แต่กระนั้นเราก็จะต้องตระหนักรู้และตกผลึกกับสิ่งที่ถูกรบกวนได้ว่า นี่คือหนทางอันสำคัญสู่จุดหมายอันไกลโพ้นที่เรียกว่า ความไม่ถูกรบกวนโดยสภาวะสงบนิ่งอย่างถาวร ฝึกฝนที่จะยิ้มรับกับทุกสภาวะที่เกิดขึ้นมาอย่างสงบนิ่ง แล้วเราจะมีความสุขสงบอันประเมินค่ามิได้.

การไม่ถูกรบกวนจะต้องฝึกฝนจากจิตใจก่อนเสมอ ไม่ใช่ไปเปลี่ยนแปลงสิ่งภายนอก

ศุภกิตติ์ กิติมหาคุณ