การที่เราจะรู้จักตัวเองได้นั้น จำเป็นจะต้องรู้ว่าตัวเองต้องการอะไรก่อนเป็นอันดับแรก ซึ่งการจะพบเจอตัวเองต่อไปได้ ก็จำเป็นจะต้องรู้ชัดว่า ชีวิตนี้เราเกิดมาเพื่ออะไรกันแน่ แล้วการจะรู้ว่าชีวิตนี้เราเกิดมาเพื่ออะไร ก็ต้องมาจากการคุยกับตัวเองเป็น ชีวิตเป็นเหมือนวงกลม ที่ล้อไปกับวิถีทางการหมุนเวียนที่ไม่มีวันจบสิ้น แต่มันก็จะมีบางสิ่งผ่านเข้ามายังวงกลมนั้นเสมอ หากเราสังเกตมัน.
ทุกคนอาจจะคิดว่า แล้วการไม่รู้จักตัวเองจะส่งผลเสียอย่างไรต่อชีวิตโดยรวมบ้าง ทว่า การตอบว่าดีหรือไม่ โดยการขาดวิจารณญาณไป ก็จะทำให้กระบวนการความคิดนั้นมีมุมมองแบบตื้นเขินเกินไป เช่น มองว่าการรู้จักตัวเองมีข้อดีอย่างนั้น หรือมีข้อเสียอย่างนี้ ซึ่งในความเป็นจริงแล้วมันไม่ใช่ว่าดีหรือไม่ดี แต่มันคือการรู้จักว่าเราควรทำอะไรในวันนี้.
มันคือการรู้ชัดว่า วันนี้ตื่นมาเพื่อจะทำสิ่งใด มิใช่เป็นการตื่นมาเพื่อทำงาน หาเงิน แล้วก็กินข้าวมื้อค่ำ รวมถึงพร้อมเข้านอนเพื่อที่จะเตรียมตัวไปทำงานในวันพรุ่งนี้อีกรอบ วนเวียนไม่รู้จบ จนกลายเป็นหนูติดจั่นที่จนปัญญาในการจะตอบคำถามของตัวเองได้อย่างแท้จริงว่า ชีวิตเราต้องการอะไรกันแน่.
ชีวิตก็เปรียบเหมือนกับรถไฟ เราจึงจำเป็นจะต้องหารางรถไฟให้มัน และชีวิตก็เปรียบเหมือนลูกธนู เราจึงจำเป็นจะต้องหาคันธนูให้มัน หากเราขาดสิ่งที่เป็นพื้นฐานของการจะไปในที่ใดที่หนึ่งแล้วไซร้ มันกลับกลายเป็นว่าชีวิตก็จะขาดความเป็นกลางไปโดยปริยาย พอชีวิตขาดความสมดุล ชีวิตก็จะไม่ต่างอะไรกับต้นไม้ที่ตายไปแล้ว มันไม่มีชีวิตชีวา มันขาดสีสันในสิ่งที่ควรจะเป็น แล้วเมื่อนั้นเราก็จะพบเจอปัญหาที่ใหญ่หลวงกว่านั้น เพราะว่ามันคือการหลงทางไปสู่เขาวงกตที่ยากจะออกได้.
ความเป็นเราในวันนี้ มันไม่มีคำว่าผิดหรือถูก มันมีแต่เราเจอทางที่ใช่แล้วหรือยัง การรู้จักตัวเองคือการทดลอง ทดสอบ สอบทาน ตรวจทาน และการกรองความเป็นเราให้มากขึ้นไปอีก เพิ่มเติมด้วยการร่อนให้เหลือแต่อัญมณีที่มันสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้ แล้วมันก็อาจจะหมายถึงขุมทรัพย์ที่เราตามหามาตลอดก็เป็นได้เหมือนกัน จงเรียนรู้ที่จะตั้งคำถามที่ถูกต้อง เพราะคำถามที่ถูกต้องเท่านั้น จึงจะเหมาะควรแก่คำตอบที่ถูกต้องตามมา.
เราจำเป็นจะต้องรู้จักตัวเอง เพราะการรู้จักตัวเองจะทำให้เรารู้ว่าเราควรไปในทิศทางใด
ศุภกิตติ์ กิติมหาคุณ