คาดการณ์

คาดการณ์

การคาดการณ์ก็คือการดูดวงนั่นแล รวมถึงผู้คนมากมายก็ล้วนแต่โหยหาความมั่นคงในชีวิต จึงจำเป็นต้องเสียสละทั้งเงิน และเวลาเพื่อที่จะมาดูดวงตรวจชะตากัน แต่ทว่า ชีวิตนั้นไม่ใช่การมาหวังพึ่งแต่หมอดูเพียงคนเดียว แต่คือการ ‘หวังพึ่งตนเอง’ ในทุกขณะของการดำเนินชีวิตไป การทำนายอนาคตนั้นมิอาจบอกได้ว่าจริงหรือเท็จ แต่ก็เพียงบอกได้ว่าหมอดูก็ต้องใช้ชีวิตเช่นเดียวกับผู้ที่มาดูดวงเช่นกัน บางทีแล้วการคาดการณ์ที่เป็นไปได้สูงสุด ก็คือการดูจากอดีต และปัจจุบันขณะเป็นสำคัญ.

เราสามารถ ‘คาดการณ์’ ในอนาคตได้หรือไม่ ว่าอะไรจะเกิดขึ้นบ้าง จากคำถามข้างต้นเป็นสิ่งที่จะต้องค้นคว้าหาคำตอบกันไปว่า “ใครกำหนดชีวิตเรากันแน่” ตัวเรา คนอื่น สิ่งที่เรามองไม่เห็นหรือว่าสิ่งใดกันแน่ ต้องใช้เวลาสักระยะหนึ่งในการหาคำตอบที่มีเพียงหนึ่งเดียวให้ได้ และคำตอบของแต่ละคนก็จึงแตกต่างกันไป.

ซึ่งสิ่งที่คิดไว้ก็คงไม่มีใครมากำหนด หรือคาดการณ์ชีวิตได้นอกจาก ‘ตัวเราเอง’ ให้สังเกตง่าย ๆ ว่า ทุกครั้งที่เจอเรื่องราวทั้งดีและไม่ดีก็ตาม ก็มักจะพอใจกับสิ่งที่ดี และไม่พอใจกับสิ่งที่ไม่ดีเสมอ แต่กลับกันคนที่ฝึกตนแล้วจะไม่พอใจกับอารมณ์ที่ดีมากนัก และจะเข้าใจอารมณ์ที่ไม่ดีว่าเป็นธรรมดา นั่นแหละคือสิ่งที่เป็นตัวชี้วัดว่าไม่มีใครมากำหนดชีวิตเรา.

ซึ่งการคาดการณ์ไปในอนาคตนั้น ย่อมเป็นสิ่งที่สามารถพึงกระทำได้ ก็เพราะโลกนี้รวมถึงจักรวาลก็ล้วนเป็นไปในทิศทางเดียวกับตัวเรานั่นเอง อธิบายง่าย ๆ ว่า หลักของกฎแห่งกรรม ‘เหตุย่อมตรงกับผล’ การที่เหตุตรงกับผล มันจึงสามารถ ‘คาดการณ์’ ได้อย่างไม่ผิดพลาดแม้แต่นิดเดียว อย่างเช่น การปลูกต้นไม้ ก็สามารถคาดได้ว่าในอนาคต ถ้ามีน้ำ ภูมิอากาศ หรือธาตุทั้งสี่รวมตัวกันอย่างพอดิบพอดีแล้ว จะสามารถเป็นเหตุให้ต้นไม้นั้นเติบโตได้ การเห็นว่าต้นไม้เติบโตนั้นก็ย่อมต้องเป็นผล จากเหตุที่ได้กระทำเอาไว้อย่างดีแล้วก็เท่านั้นเอง.

มองอย่างละเอียดก็คือ อนาคตย่อมเป็นไปตามมวลพลังงานของอดีตซึ่งสะสมไว้อย่างยิ่งยวด แล้วพลังนั้นไม่สามารถจางหายไปได้ตามกาลเวลา หรือจะบอกได้ว่าสิ่งนั้นจะยังคงอยู่ตราบเท่าที่พลังงานนั้นได้ถูกนำมาให้เกิดขึ้นอีกครั้ง การหมุนเวียนของพลังงานจะไม่มีวันจบสิ้น ไม่มีจุดกำเนิด และไม่มีจุดสิ้นสุด เหตุมีผลก็ต้องมีให้พิจารณาจากเหตุแล้วจึงจะทราบผล.

คาดการณ์จากอดีตว่าจะนำมาซึ่งผลแบบไหน ยอมรับแล้วเดินหน้าต่อไป

ศุภกิตติ์ กิติมหาคุณ