เข็มทิศของทางลัดนั้นไม่มีอยู่จริง นั่นหมายความว่า เราไม่สามารถจะมีชีวิตได้โดยเดินไปตามหาทางลัดนั้น ๆ หากเราไม่สามารถที่จะยืนหยัดต่อสู้ท่ามกลางปัญหาได้ เราก็จะไม่สามารถยืนหยัดต่อสู้กับความเป็นปกติสามัญได้ เนื่องจากปัญหาที่แท้จริงเกิดจากการรอคอย หากเราไม่สามารถรอคอยสิ่งใดได้เลย สิ่งนั้นก็จะโมฆะกันไปโดยปริยาย เราจึงจำเป็นจะต้องเดินตามทางปกติเสมอ.
ทางลัดนั้นมีไว้สำหรับหลอกล่อคนที่ไม่เข้าใจสัจธรรมของชีวิต ในเมื่อเราเข้าใจสัจธรรมของชีวิตแล้วว่าสิ่งใดเกิดขึ้นสิ่งนั้นย่อมดับไปเป็นธรรมดา ปัญหาจึงไม่ได้เกิดขึ้นกับชีวิตของเราเพียงแค่คนเดียว แต่ปัญหานั้นเกิดขึ้นกับคนทุกคนบนโลกใบนี้ มีผู้คนมากมายที่กำลังตั้งคำถามไปว่า ทางลัดบนโลกนี้มีอยู่จริง ๆ ใช่ไหม แต่แล้วเขาเหล่านั้นกลับพบแค่ทางตัน เหมือนยิ่งเดินถลำลึกเข้าไปก็ยิ่งไม่พบเจออะไร.
เราต้องเริ่มต้นจากคำถามที่ว่า “เราจะไปทางนี้เพราะอะไรกันแน่” เราอยากร่ำรวย หรือเราอยากมั่งมีศรีสุขกันจริง ๆ รึเปล่า หรือว่าเราก็แค่มีความโลภที่อยากครอบครองทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกใบนี้ก็เท่านั้นเอง ทุกสิ่งอย่างมันมีค่าตั้งต้นตั้งแต่แรก หากเราไม่สามารถเรียนรู้เรื่องราวเหล่านี้ได้ เราก็จะไม่สามารถเข้าใจเรื่องราวอะไรได้ มันก็คงไม่ต่างกับคนที่กำลังเดินหลงทางหรอก.
การเรียนรู้จะไม่มีวันสิ้นสุด หากวันนี้เรายอมรับแล้วว่าเราไม่ได้รู้จักโลกใบนี้หรือตัวเองมากพอ ก็จงให้เวลากับตัวเองเพิ่มมากยิ่งขึ้น อย่าไปกังวลว่าทุกอย่างจะไม่เป็นไปอย่างที่ใจเราต้องการ เพียงแต่ขอให้มุ่งมั่นกับทางเลือกที่เราเดินก็พอแล้ว ชีวิตนี้ไม่ได้เป็นอย่างสิ่งที่เราคิดไว้ทั้งหมด แต่มันก็พอที่จะเรียนรู้ได้บ้าง.
จุดเริ่มต้นของชีวิตได้เริ่มต้นขึ้น ณ วันที่เราออกเดินทาง หากใครบอกว่าทางลัดมีอยู่จริง จงอย่าปักใจเชื่อคนเหล่านั้น ผู้ที่รอบรู้และมีญาณทัศนะเท่านั้น ที่จะหยั่งรู้ถึงความเป็นจริงได้ ความจริงก็คือความจริง มันไม่สามารถแปรเปลี่ยนเป็นสิ่งอื่นได้ นอกเสียใจเราจะไม่เข้าใจความจริงเสียเอง.
ทางลัดมีเอาไว้เพื่อหลอกผู้ที่ไม่เข้าใจความจริง แล้วความจริงจะปรากฏเด่นชัดขึ้นถ้าเราตั้งใจที่จะใช้ชีวิต
ศุภกิตติ์ กิติมหาคุณ