รอยยิ้ม

รอยยิ้ม

สิ่งที่ทุกคนตามหาคือความสุข แต่ก่อนหน้าที่จะมีความรู้สึกว่าสุข ก็จำเป็นจะต้องมีรอยยิ้มประดับอยู่บนใบหน้าเสียก่อน ก่อนที่จะมีความรู้สึกดี ๆ ตามกันมา ถ้าสมมุติว่ารอยยิ้มมันคือต้นธารของความสุขล่ะ ทำไมทุกคนจึงบอกว่าทุกครั้งที่ ‘ยิ้ม’ นั่นหมายถึง ‘ความเบิกบาน’ ของจิตใจด้วย มันเกี่ยวข้องกันยังไง แล้วมีผลอะไรต่อชีวิตตัวเอง และสิ่งแวดล้อมรอบข้างบ้าง สิ่งที่ตามหาอาจจะไม่ได้อยู่ไกลเกินเอื้อม แต่มันอาจจะเป็นแค่ความยินดีในสิ่งที่มันเกิดขึ้นเป็นไปตามธรรมชาติอยู่แล้ว.

รอยยิ้มคือนิมิตรหมายอันดี แสดงถึงความปีติยินดีในสิ่ง ๆ หนึ่งที่เกิดขึ้น ไม่ว่าสิ่งนั้นจะเป็นสิ่งที่ดีหรือไม่ดีก็ตาม ความรู้สึกที่ดีย่อมเกิดก่อนแล้วรอยยิ้มจึงตามมา คนหลายคนยิ้มไปด้วยหัวเราะไปด้วยอันนั้นเรียกรวม ๆ ว่า “กำลังมีความสุข” ความจริงกับความคิดนั้นแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง.

หลายคนตามหาความสุขที่รอยยิ้มกลับไม่เจอความสุขภายใน ทว่า การยิ้มบนใบหน้าหาใช่สิ่งที่จิตใจกำลังยิ้มไม่ รอยยิ้มบนใบหน้ามิอาจบอกได้เลยว่าบุคคลนั้นมีความสุขจริง ๆ หรือว่า “แสร้งว่ามีความสุข” แล้วทำเสมือนว่า ชีวิตนี้ฉันมีความสุขมาก ๆ บ้างก็หัวเราะออกมาดัง ๆ ฉีกยิ้มราวกับว่าชีวิตนี้ไม่เคยทุกข์มาก่อนเลย การยิ้มแบบนี้ไม่นับเลยว่าจิตใจกำลังยิ้มตาม แต่คนทั่วไปก็คิดว่า “คนเหล่านี้เขาคงมีความสุข เพราะหัวเราะได้ ยิ้มได้ ส่วนเราไม่มีเสียงหัวเราะมานานแล้ว แถมไม่เคยยินดีจนถึงขั้นยิ้มออกเสียที”.

ปัญหาส่วนใหญ่ของคนเราคือ “ดูคนอื่นแล้วนำสิ่งนั้นมาเปรียบเทียบกับตัวเราเอง” โดยขาดวิจารณญาณใด ๆ การมองมุมเดียวมิอาจบอกได้เลยว่า นั่นเรียกว่ากำลังมีความสุขจริงหรือไม่ การมองไปในจิตใจเกิดจากการสังเกตซ้ำแล้วซ้ำเล่า สังเกตคนที่มีความสุขจริง ‘ดวงตา’ ก็จะยิ้มตามไปด้วย ซึ่งดวงตาไม่เคยโกหก และไม่สามารถปิดบังความจริงได้อยู่แล้ว “ฝืนยิ้มทั้งน้ำตา” คงไม่มีคำนี้เกิดขึ้น ถ้ามันสามารถฝืนได้เพียงแค่มุมปาก แต่กลับกลายเป็นดวงตานั้นแฝงความเศร้าสลดอันมหาศาลไว้อยู่.

ทุกคนควรจะมุ่งหวังที่จะสุขภายในจิตใจ แล้วรอยยิ้มจากก้นบึ้งของจิตใจจะแสดงออกมาผ่านดวงตา นั่นแหละคือสุขแท้ รวมถึงอย่าลืมยิ้มให้กับตัวเองอยู่เสมอ เป็นเคล็ดลับง่าย ๆ ที่เวลาเศร้าก็จงยิ้มให้กับตัวเองบ้าง ถึงแม้ว่าชีวิตจะไม่ได้สุขมากขึ้น แต่ก็ยังดีกว่าเราไม่เคยสร้างรอยยิ้มให้กับตัวเอง.

รอยยิ้มไม่มีวันหมดอายุ แค่อย่าลืมยิ้มก็พอแล้ว

ศุภกิตติ์ กิติมหาคุณ