การลุกขึ้นสู้

การลุกขึ้นสู้

ถ้าวันนี้เราเจอปัญหาชีวิตมากมายก่ายกอง เราลองสอบทานดูว่าตัวเราเองนี้มองปัญหาต่าง ๆ ในแง่มุมใด หากว่าเรามองปัญหาไม่ออกแล้วคิดเอาเองว่า ถ้าปัญหาหมดไปชีวิตเราคงจะดีขึ้น แบบนั้นก็คงจะไม่มีวันนั้นเกิดขึ้นมาอย่างแน่นอน สังเกตวิถีทางที่เรากำหนด และเลือกเดินตลอดเวลา ไม่เพิกเฉยต่อสรรพสิ่งรอบข้างที่เราพบเจอ นั่นแหละคือหนทางออก แล้วก็จะมีแต่เราเพียงผู้เดียวเท่านั้นที่ต้องกำหนดมันขึ้นมา.

คำถามที่เราตั้งมันขึ้นมา จะกำหนดวิถีทางของชีวิต เช่น ถ้าวันนี้ฉันเจอปัญหาใดก็ตาม ฉันจะสู้กับปัญหานั้นด้วยปัญญา หรือ ถ้าวันนี้ฉันเจอปัญหาอะไรก็ตาม ฉันจะไม่สู้แล้วฉันก็ไม่อยากที่จะสู้อีกต่อไป ทั้งสองคำถามนี้มีวิถีทางที่ชัดเจน แต่หนทางเดินนั้นแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ก็เพียงเพราะการที่เราคิดอะไร แล้วก็ทำสิ่งนั้นลงไป มันจะเป็นตัวชี้วัดว่า ตัวเราเองนี้มีความคิดและความอ่านอย่างไร เราลุกขึ้นสู้เวลาเราล้มลงไหม หรือเรายอมแพ้และยอมจำนนจนไม่ยอมทำอะไรอีก.

ไม่มีสิ่งใดจะหักล้างวิถีทางของชีวิตได้ มันคือพื้นฐานอันสำคัญที่จะพัฒนาไปสู่กระบวนการสร้างที่จำเป็นต่อสรรพสิ่งมากมาย หากขาดวิสัยทัศน์ในการกำหนดวิถี ชีวิตมวลรวมของเราก็จะกลายเป็นเพียงแค่กระแสหนึ่งที่เกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไปเพียงเท่านั้น หากแต่เพียงเรากำหนดวิถีหลักได้ชำนาญ เราก็ย่อมได้เลือกทางเดินด้วยตัวของเราเองอย่างแท้จริง.

ไม่มีใครจะสามารถบังคับเราได้ ว่าให้เราต้องทำสิ่งใด มีแต่ตัวเราเท่านั้นที่จะกำหนดความหมายขึ้นมา นิยามของชีวิตจะถูกกำหนดด้วยวิถีทาง และวิถีทางก็ย่อมบอกถึงผลลัพธ์ว่าชีวิตนี้ต้องเป็นอย่างไร มันมักจะสอดคล้องกับคำว่าไม่มีคำว่าบังเอิญบนโลกใบนี้ ทุกสิ่งเกิดแต่เหตุ และดับไปเพราะเหตุอยู่เสมอ.

ลองตัดสินใจเลือกดูว่าเราจะเลือกอะไร ระหว่างสู้หรือถอย ปรับเปลี่ยนวิถีของตัวเองให้ได้มากที่สุด ตามกำลังที่เราพึงมี ไม่ต้องใส่ใจคำของคนอื่นว่าเขาจะถากถาง ดูถูก หรือเหยียดหยามเราเพียงใด มันอยู่ที่ตัวเราเองว่าเราเลือกทำอะไรเสียมากกว่า แล้วความสุขในชีวิตจะรอเรา ถ้าเราเลือกทางที่ถูกต้อง แถมความสัมพันธ์รวมไปถึงสภาวะต่าง ๆ ก็ย่อมเป็นในทิศทางเดียวกันอีกด้วย มันอยู่ที่ตัวเราเองไม่ใช่ใครเลย.

การลุกขึ้นสู้ ย่อมเป็นหนทางออกของปัญหาทั้งหมดทั้งมวลในโลกใบนี้ อย่ายอมแพ้ต่อสิ่งที่ไม่ดีอย่างเด็ดขาด

ศุภกิตติ์ กิติมหาคุณ