ขอบคุณ

ขอบคุณ

คำนี้เป็นคำที่ใช้อยู่เป็นประจำ ใช้เวลาที่เรารู้สึกดี และต้องการพูดเพื่อเป็นการตอบแทนให้กับผู้อื่นอยู่เสมอ ๆ บางคนอาจจะใช้คำนี้ไม่บ่อยมาก เพราะเขาอาจจะไม่ได้รู้สึกขอบคุณจริง ๆ ก็ได้ แต่ถึงยังไงก็เป็นคำพูดที่ทุกคนควรจะใช้ให้เป็นประจำและติดปากไว้ การคำนึงถึงผู้อื่นอยู่เสมอ ก็มักจะได้รับความสุขอยู่เป็นประจำ ถ้าเราพูดว่าขอบคุณบ่อยครั้ง สิ่งแรกที่คนอื่นจะเห็นเลยก็คือ ‘ความอ่อนน้อมถ่อมตน’.

สำหรับคำว่า ‘ขอบคุณ’ อาจจะไม่ได้ใช้กับคนอื่นเสมอไป แต่ให้เรามาใช้คำนี้กับ ‘ตัวเอง’ แทน เช่น การขอบคุณตัวเองที่ได้ประสบความสำเร็จ หรือขอบคุณตัวเองที่ได้ผ่านอุปสรรคมามากมายเราถึงได้มีทุกวันนี้ คำพูดคำนี้เป็นกำลังใจให้คนอื่นมามากมายแล้ว ไม่ว่าจะทำให้คนอื่นรู้สึกว่าเขามีคุณค่ามากขึ้น แต่เราอาจจะลืมไปว่าคนที่ควรขอบคุณที่สุดคือตัวเรานี่แหละ หรือขอบคุณความทุกข์อุปสรรคที่เข้ามา.

ดั่งคำที่ว่า “มารไม่มี บารมีไม่เกิด” บางทีเราก็ไม่ควรรู้สึกแย่กับความทุกข์ที่เข้ามา เพราะทุกข์นี่แหละทำให้เรามีทุกวันนี้ เมื่อเรามีการขอบคุณขึ้นมา ชีวิตก็จะเข้าสู่กระแสแห่งความจริงมากยิ่งขึ้น หลายคนไม่เคยขอบคุณแม้กระทั่ง “วันนี้เราได้มีข้าวกิน” หรือ “ขอบคุณที่ต้นไม้ยังคายออกซิเจนมาให้เราหายใจ” การขอบคุณพวกนี้ทำให้เราเติมเต็มความสุขได้จริง.

ไม่จำเป็นต้องรอให้อะไรมันพังทลายลงไปเสียก่อน แล้วเราค่อยมานึกย้อนเสียใจ ตอนนี้เริ่มขอบคุณได้แล้ว ก่อนที่อะไรมันจะสายเกินไป อย่างน้อยที่สุดก็เคยดื่มด่ำบรรยากาศของการขอบคุณไปแล้ว อะไรมันจะเกิดก็ต้องเกิดไป เพราะทุกอย่างมันไม่เที่ยงอยู่แล้วนี่หน่า.

เมื่อเราเริ่มต้นที่สิ่งแวดล้อม ต่อมาเราก็เริ่มกับบุคคลต่าง ๆ ที่รายล้อมในชีวิตของเรา เช่น หัวหน้า ลูกน้อง ภารโรง หรือแม้กระทั่งคนรักษาความปลอดภัยที่ทำงานของเราเอง หลายคนเพิกเฉยคนเหล่านี้ เหมือนว่าเขาเป็นคนที่ไม่สำคัญในชีวิตของเรา แต่ถ้าเรารู้จัก ‘ขอบคุณ’ ชีวิตของเขาเหล่านั้นจะมีความสุขไปอีกนานแค่ไหน และสิ่งที่เราลืมมากที่สุดก็คือ ขอบคุณตัวเองที่ได้เกิดมาในพระพุทธศาสนา ได้มีโอกาสเจอความจริง และได้ฟังพระธรรม เพื่อให้เข้าใจธรรมชาติว่าทุกอย่างเป็นเช่นนั้นเอง.

ขอบคุณสิ่งที่เรามองข้ามไป เพื่อมีชีวิตที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความสุข

ศุภกิตติ์ กิติมหาคุณ