ในช่วงชีวิตของคนเราต้องมีคำถามว่า “สายเกินไปไหมที่เราจะทำอะไรสักอย่างหนึ่ง” คำว่าสายเกินไปมันอาจจะเป็นคำที่มีจริง หรือไม่มีจริงก็ได้ แต่ความเป็นจริงก็จะต้องเป็นคำตอบเดียวเสมอ การที่คุณหาคำตอบคำว่า ‘สายเกินไป’ ในสิ่งนั้นได้ ชีวิตตอนนั้นคงจะดีขึ้นไม่มากก็น้อยแล้วล่ะ อย่าให้คนอื่นมาตัดสินการกระทำเราโดยส่วนเดียว จงมีจุดยืนด้วยว่าถ้ามันยังไม่สายไปก็ทำมันต่อไป แต่ถ้ามันสายไปจริง ก็ควรยอมรับและเดินหน้าต่อไปด้วยความรู้สึกที่มั่นคง.
สำหรับคำว่าสายเกินไป มี และไม่มี เฉพาะในเรื่องบางเรื่อง สมมุติว่าคุณอยากจะทำธุรกิจสักธุรกิจหนึ่ง คำว่าสายเกินไปมันคงไม่มีอยู่จริง เพราะมันขึ้นอยู่กับตัวเองว่า “ต้องการจะทำธุรกิจนั้นจริงหรือเปล่า” มีเป้าหมายชัดเจนไหม รักในการทำธุรกิจนั้นจริงหรือไม่.
ถ้าสมมุติว่าได้กระทำสิ่งนึงไป ทำให้เกิดชีวิตที่หักเหไป และผลสุดท้ายชีวิตก็กำลังดิ่งเหว ตกต่ำถึงขีดสุด นั่นก็คงสายเกินไปที่จะกลับไป ‘แก้ไข’ เหตุการณ์ในอดีต แต่มันก็ไม่ได้สายเกินไปที่จะเริ่มต้นใหม่ ตอนนี้อาจจะงง ๆ หน่อยว่ามันคืออะไร สรุปง่าย ๆ คือ คำว่าสายเกินไปจะใช้กับสิ่งที่กลับไปแก้ไขไม่ได้ แต่จะใช้ได้กับทุกสิ่งที่ต้องการจะเริ่มต้นสิ่งนั้นขึ้นมาใหม่ สามารถที่จะเริ่มทำได้เลยไม่มีคำว่าสายเกินไปอย่างแน่นอน.
คำนี้มันอาจจะสอดคล้องกับความกลัวภายในที่มี และการไม่ยอมรับความจริง ถ้าอยากยอมรับ “เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไปแล้ว” ต้องเชื่อว่า สายเกินไปแล้วที่จะกลับไปแก้ไข และถ้าเกิดความรู้สึกกลัวที่จะ ‘ทำไม่ได้’ ต้องเชื่อว่า ยังไม่สายเกินไปที่จะเริ่มต้นสิ่งดี ๆ ในชีวิต เริ่มตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ที่จะบอกกับตัวเองว่า ยังไม่สายเกินไปที่จะเปลี่ยนตัวเอง ให้เป็นคนที่ดีขึ้นในทุกวัน หรือยังไม่สายเกินไปที่จะยืนหยัดต่อสู้ในความถูกต้อง ถึงแม้วันนี้จะเป็นวันที่แย่ที่สุดในชีวิต แต่ตราบใดที่เรายังมีลมหายใจ เราก็จำเป็นต้องก้าวเดินต่อไปนะ.
สุดท้ายแล้วอย่าใช้ชีวิตโดยปล่อยเวลาให้ล่วงเลยโดยเปล่าประโยชน์ จงมีชีวิตที่ดื่มด่ำกับเหตุการณ์นั้น ๆ อย่าให้ความรู้สึกมันมาบอกแล้วซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่า สายเกินไปแล้วที่เราจะกลับไปตรงที่นั้น เป็นเพราะสองมือนี้แหละที่ทำมันพังทั้งหมด มีสติให้มากเพื่อเห็นสิ่งที่มีค่าว่ามีค่า เห็นสิ่งที่ไม่มีค่าว่าไม่มีค่า อย่างน้อยจะได้ไม่เสียใจที่มันได้จากไป.
อดีตไม่สามารถแก้ไขได้ ปัจจุบันเป็นเวลาสำคัญ คำว่าสายเกินไปเป็นเรื่องของคนขาดสติ
ศุภกิตติ์ กิติมหาคุณ