ใครหลายคนกำลังยึดถือมูลค่าสิ่งของ คน หรือว่าสัตว์ ว่ามีประโยชน์บ้าง ไม่มีประโยชน์บ้าง ในบางทีความเป็นจริงก็คือไม่มีใครที่จะมีมูลค่าไปตลอดกาล เพราะว่ามูลค่าเป็นสิ่งที่แปรผันไปตามกาลเวลา มันขึ้นอยู่กับสภาพ และสถานการณ์นั้น ๆ เป็นปัจจัย แล้วมูลค่าที่แท้จริงคืออะไรล่ะ บ้างก็บอกว่ามันอยู่ที่ความสวย บ้างก็บอกอยู่ที่ความรวย แต่สุดท้ายมูลค่าจะเป็นสิ่งที่เราให้ค่ากันขึ้นมาเอง นำมาซึ่งภายนอกที่ต้องปั้นแต่งให้งดงามตลอดเวลา.
มูลค่านั้นเกิดจากสิ่งใดสิ่งหนึ่งที่เกิดขึ้นมาแล้วมี ‘คน’ เป็นผู้นำในการให้ค่าสิ่งนั้น ว่ามีค่าหรือไม่อย่างไร ถ้าบุคคลนั้นไม่ได้ให้ค่าสิ่งนั้นแล้ว มันก็กลายเป็นสิ่ง ‘ไร้ค่า’ โดยปริยายได้เช่นกัน ซึ่งมูลค่าในที่นี่ไม่สามารถนำมาเป็นตัวชี้วัดได้ว่า มี ‘คุณค่า’ จริงหรือเปล่า เพราะไม่มีความสัมพันธ์กันอย่างสิ้นเชิง.
ใครหลายคนก็ได้บอกว่า การที่จะให้สิ่งของชิ้นนั้นมีมูลค่ามากขึ้นคือต้องมีน้อยชิ้น หายาก หรือว่าไม่สามารถหาได้อีกแล้ว มันก็อาจจะใช่ในบริบทหนึ่ง แต่ก็ไม่สามารถใช้ได้กับทุกบริบทของชีวิต.
ในแง่ที่ว่า “มูลค่าเป็นสิ่งที่คนอื่นให้ค่า มิอาจเทียบได้กับสิ่งนั้นมีคุณค่าได้เอง” การตามหาว่าจะมีคุณค่าในตนเองอย่างแท้จริงก็เป็นสิ่งที่ควรคำนึงถึง เพราะนี่จะเป็นสิ่งเดียวที่ทำให้ชีวิตมีคุณค่ามากขึ้น และไม่แปรผันไปตามสังคมที่แปรเปลี่ยนไป มันแสดงถึงจุดยืนที่มีต่อตนเอง และผู้อื่นอย่างชัดเจน ในที่นี้จะอธิบายว่าให้เข้าใจความเป็นไปของ ‘มูลค่าที่แท้จริง’ ว่าเกิดจากสิ่งแวดล้อมมาเป็นปัจจัย แล้วก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงให้คนอื่นมองเราได้อย่างที่เราอยากให้มอง.
การที่จะบอกว่ามีมูลค่าเท่าไรนั้นมิอาจบอกได้อย่างแน่ชัด ก็เป็นเหตุผลที่ว่า “วันหนึ่งสิ่งใดที่มีค่าย่อมหมดมูลค่า หากสิ่งนั้นปราศจากคุณค่าอย่างแท้จริง” เราทุกคนจึงต้องตามหาคุณค่าในตัวเองว่าอะไรกันนะที่จะมาเป็นคุณค่าให้แก่ตนเอง มันจะต้องไม่ขึ้นอยู่กับสังคม ครอบครัว เพื่อน หรือแฟน แต่ขึ้นอยู่กับการกระทำ ความคิด หรือสติปัญญา แปลโดยสั้นว่า “มูลค่าไม่มีส่วนสำคัญ ต่อปัจจัยของคุณค่าเลย” แล้วจงมีสติ อย่าให้ค่ากับมูลค่า แต่จงให้ค่ากับสิ่งที่มีคุณค่าต่อชีวิต เพื่อเรานั้นจะได้ไม่หลงทางไปเอาสิ่งที่ไม่มีมูลค่ามาครอบครอง การเชื่อกันตาม ๆ กันก็ไม่ได้ทำให้สิ่งของนั้นมีคุณค่าขึ้นมาได้.
มูลค่านั้นแปรผันตามสังคม แต่คุณค่านั้นแปรผันตามตัวของมันเอง
ศุภกิตติ์ กิติมหาคุณ