คงไม่มีใครไม่เคยพบเจอการรอคอย ไม่ว่าจะเป็นคน สิ่งของ หรือแม้กระทั่งการรอสั่งอาหาร ในแต่ละวันก็จำเป็นต้องรอคอย ให้แม่ครัวนำอาหารนั้นมาถึงโต๊ะ ชีวิตที่ปราศจากการรอคอยจึงไม่สามารถเป็นไปได้ ซึ่งถ้าไม่สามารถรอคอยได้ก็ควรที่จะฝึกปรือ เพื่อที่จะอยู่อย่างมีความสุขในแต่ละวัน นับวันการรอคอยก็ยิ่งยาวนานมากขึ้นไม่ว่าจะเป็น รถติด ทำถนน หรือสร้างรถไฟฟ้า ทุกสิ่งล้วนแต่ต้องใช้ ‘เวลา’ เป็นส่วนประกอบทั้งนั้น ถ้าไม่มีเวลาก็ไม่สามารถสร้างอะไรขึ้นมาได้เลย.
ถ้าพูดถึงการรอคอยแล้ว คงไม่มีใครชอบ และบางคนอาจจะเกลียดซะด้วยซ้ำไป เพราะบางทีมนุษย์เราออกแบบให้ทำทุกอย่างแข่งกับเวลาอยู่แล้ว เมื่อเราคิดอยากได้สิ่งๆหนึ่งก็จำเป็นจะต้องมีสิ่งนั้นทันตาเห็น ในยุคสมัยนี้คงจะหนีไม่พ้นกับยุคสมาร์ทโฟน ที่สามารถเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตในชั่วพริบตาเดียว เราสามารถรอของที่เราสั่งผ่านแอพขายของ โดยใช้เวลาในการส่ง 2 วันทำการ เราสามารถสั่งอาหารโดยใช้เวลาไม่กี่ชั่วโมง ที่จะให้อาหารมาถึงบ้าน และอนาคตทุกธุรกิจ ก็จำเป็นจะต้องแข่งขันกันเรื่อง ‘ความเร็ว’ ในการส่งมอบความพึงพอใจพื้นฐานของมนุษย์ที่จะมาเติมเต็มคำว่า ‘ไม่อยากรอคอย’.
ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว ความรวดเร็วทันใจมีผลดีมากมาย แต่ผลเสียก็ไม่น้อยเลยทีเดียว ยิ่งเราได้อะไรรวดเร็วมากเท่าไร เราจะห่างไกลกับคำว่า ‘อดทน’ ประเด็นของการรอคอยอยู่ตรงนี้ คือการอดทนบวกกับคำว่ารอคอย ยิ่งเราไม่รู้จักอดทนรอคอย เราจะไม่สามารถประสบผลสำเร็จ มีความรักที่ดี มีหน้าที่การงานที่ดี และมีความสุขในชีวิตอย่างแท้จริงได้เลย เพราะการจะลงทุนสร้างสิ่งที่เป็นนามธรรมให้เกิดเป็นรูปธรรมนั้นใช้เวลาเป็นตัวแปรหลัก และตัวแปรรองคือการรอคอย.
สิ่งที่สำคัญคืออย่าให้ยุคสมัยมาเปลี่ยนแปลงศักยภาพเดิมที่เราเคยมี จนทำให้รออะไรไม่ได้เลยแม้แต่อย่างเดียว จงอดทน และรอคอยจนกว่าวันนั้นจะมาถึง ความสำเร็จคู่ควรกับคนที่อดทน และรอคอยเป็น บางคนรอคอยไม่เป็นก็ย่อมที่พบเจอความล้มเหลวไปก่อน.
สุดท้ายแล้วความสำเร็จกับความล้มเหลว คือสิ่งเดียวกัน คนที่ล้มเหลวคือคนที่ไม่ไปต่อ คนที่สำเร็จคือคนที่ไม่มีอะไรมาหยุดยั้งเขาเหล่านั้นได้ นี่คือความแตกต่างกันระหว่างทางเดิน นำมาซึ่งผลที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง วันนี้จึงไม่ใช่เวลาของการนั่งก่นด่าโชคชะตา แต่เป็นเวลาที่สร้างสรรค์ชีวิตได้แล้ว.
เมื่อความรอคอยจำเป็นอย่างยิ่งสำหรับความสำเร็จ ก็ควรที่จะฝึกปรือไว้
ศุภกิตติ์ กิติมหาคุณ