ความสบายนั้นเริ่มด้วยจากความลำบาก

ความสบายนั้นเริ่มด้วยจากความลำบาก

ความคิดเห็นต่อการบรรยาย

ความคิดแรกของ Ajayi คือคนที่คิดว่าตัวเรานี่แหละคือคนที่สร้างปัญหาให้กับผู้อื่นเสมอ งานที่เธอทำคือการเป็นนักวิจารณ์ เธอเป็นทั้งนักเขียน ทั้งนักพูด และชาว Nigeria ผิวสี เธอเน้นย้ำว่าการที่มาเป็นนักพูด คือการเป็นโดมิโนตัวแรก เพื่อที่จะเป็นแรงผลักดันให้กับผู้อื่น ก็เมื่อโดมิโนเริ่มตัวแรกขยับ ตัวต่อไปก็ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้.

สำหรับเธอแล้วสิ่งที่ยากที่สุดก็คือการมาเป็นนักพูด มันคือการท้าทายตัวเธอเอง คำถามที่เธอถามผู้ชมว่า “อะไรที่คุณคิดมันออกมา แต่ไม่กล้าที่จะพูดออกไป”.

แล้วพูดถึงคำว่ากลัวแล้ว เธอคิดว่ามันเป็นไปไม่ได้หรอกที่จะไม่มีใครไม่กลัวเลย ความกลัวมันติดตัวเรามาตั้งแต่กำเนิด ซึ่งในตอนแรกเธอหวังอยากจะเรียนหมอ และเมื่อตอนปีแรกก็ได้เรียนวิชาเคมี 101 และเธอได้เกรด D ตั้งแต่วิชาแรกยันสุดท้าย ก็มีคุณครูแนะนำเธอว่า “ให้เธอลองดรอปเรียนหลักสูตรแรกของแพทย์ไปก่อน”.

หลังจากที่ค้นหาตัวเองไปเรื่อย ๆ เธอเริ่มต้นที่จะเขียน Blog ในปี 2003 ตั้งแต่ตอนนั้นมาเธอก็ได้มีความฝันใหม่ และบอกกับตัวเองว่า ฉันนี่แหละคือ ‘นักเขียน’ ซึ่งมันใช้เวลามากกว่า 9 ปีกว่าที่เธอจะบอกกับตัวเองได้จริง ๆ ว่าเธอคือนักเขียน หลายครั้งที่เธอต้องเลือกว่า จะให้ความกลัวกำหนดชีวิตเธอ หรือเธอจะเป็นคนกำหนดมันเอง.

ช่วงวันเกิดอายุ 30 ปี เธอได้ตัดสินใจไป Ziplining ที่ป่า Punta Cana ซึ่งกิจกรรมนี้มันเป็นสิ่งดีมาก เธอชื่นชอบมัน และหลังจากนั้นก็ได้ไปที่ Mexico เพื่อดำน้ำพร้อมกับปลาโลมา ต่อมาเธอก็ได้ไปโดดร่ม ซึ่งเธอได้เขียนไว้ในหนังสือด้วยเช่นกัน มันเป็นประสบการณ์ที่เธอจะไม่มีวันลืม มันเป็นการก้าวข้ามผ่านความกลัวอย่างแท้จริง.

ตอนที่ได้เขียนหนังสือชื่อว่า I’m Judging You: The Do-Better Manual นั่นคือหนังสือที่เธอภูมิใจมากที่สุดเล่มหนึ่ง หลากหลายประสบการณ์ที่ได้ประสบพบเจอ หลายครั้งที่การเจอความกลัวต่าง ๆ ที่ถาโถมเข้ามา มันมีแค่สิ่งเดียวที่เธอคิด ณ ตอนนั้นคือ “ยังไงฉันก็ต้องทำสิ่งนี้ให้ได้” ถึงแม้ว่าความสบายจะเป็นสิ่งที่สังคมอยากจะให้เป็น แต่เธอไม่เชื่อแบบนั้นเลย หลายครั้งความยุติธรรมคือการที่ต้องเจอปัญหาบ้าง เพื่อที่จะเผชิญกับความท้าทายในชีวิตอย่างแท้จริง.

แล้วสิ่งที่เป็นแกนหลักของฉันคืออะไร (What are my core value?)

สำหรับเธอแล้วแกนหลักของชีวิตคือ ความจริงใจ ความสมบูรณ์ ความยุติธรรม และเชียบัตเตอร์ แล้วถ้าโลกมีแบบนี้จริง ๆ มันจะทำให้โลกชุ่มชื้นขึ้น สิ่งที่เธอได้จากการทำงานของเธอคือ การที่ทำให้ผู้คนมีพื้นที่แสดงตัวตนมากยิ่งขึ้น ทำให้คนที่ไม่รู้วิธีการจะสื่อสารอย่างไร ให้เกิดการสื่อสารที่ประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น และสิ่งหนึ่งที่เราทุกคนเป็นคือ เราต้องการประสบพบเจอคนที่พอให้คำแนะนำเราได้ ทุกครั้งที่เรามีปัญหาก็อยากเจอใครสักคนที่จะช่วยเราได้.

เธอค้นพบว่า “ถ้าผู้ชายผิวขาวเป็นคนพูดที่นั่น เขาจะได้รับค่าชดเชย และได้รับเงินค่าเดินทาง” “ถ้าผู้หญิงผิวขาวเป็นคนพูดที่นั่น เขาจะได้รับเงินค่าเดินทาง” แต่ “ถ้าผู้หญิงผิวสีเป็นคนพูดที่นั่น เขาจะคาดหวังว่าจะได้รับเงินค่าจ้างไหม” เธอเลยทบทวนว่า ถ้าเกิดเธอได้พูดที่สาธารณะจริง ๆ เธอจะพบกับปัญหาทางการเงินแน่นอน.

แต่เธอก็ได้ตระหนักว่า ความเงียบนั้นไม่สามารถช่วยเหลือใครได้เลย ใครหลายคนก็บอกว่าการจะไปตรงจุดนี้ อาจจะไม่รับความยุติธรรมเพียงพอ ซึ่งทุกคนก็พูดว่าไม่ยุติธรรมจริง ๆ เหมือนกับที่เธอคิดไว้ ซึ่งเธอก็มองว่า “การจะไปตรงจุดนี้ มันคือสิ่งที่ข้ามผ่านความกลัวไปได้ แค่เริ่มต้นทำแค่นั้นเอง” หลังจากนั้นเธอก็ได้ตัดสินใจเขียนโพสต์แรกที่เกี่ยวกับสุขภาพจิต และการพัฒนาตนเอง และโพสต์ของเธอก็กลับได้รับความนิยมจนเธอยังแปลกใจ.

จากเหตุการณ์ที่ผู้หญิงโดนผู้ชายทำร้าย ก็ได้เริ่มต้นจากใครคนใดคนหนึ่ง แต่มีผู้หญิงคนหนึ่งที่กล้าเปล่งเสียงของเธอออกมา เธอคือ Tarana Burke ที่ได้เป็นคนจุดชนวนโครงการ Me Too ขึ้น การที่โลกมาบอกคุณว่าให้คุณทำแบบนั้นแบบนี้ คุณจงเลือกสิ่งที่ดีที่สุด เหมือนกับเธอ ที่หลายคนบอกให้เธอเงียบ แต่เธอกลับตะโกนมันออกมา.

เมื่อเผชิญกับสิ่งที่ยากลำบาก มีอยู่ 3 สิ่งที่เราจะต้องถามตัวเองเสมอ.

1. คุณหมายถึงอะไร (Did you mean it?)

2. คุณสามารถปกป้องมันได้ไหม (Can you defend it?)

3. คุณสามารถบอกได้ไหมว่ารัก (Did you say it with love?)

ถ้าคุณตอบได้ทั้งหมดสามข้อให้ทำได้เลยทันที เมื่อเราเชื่อมั่นเวลาเราทำอะไรมันจะมีความสำคัญอย่างยิ่ง ความทรงพลังไม่ได้เกิดจากความสำเร็จที่สร้างสะพาน แต่มันมาจากความศรัทธาที่ทำให้เป็นตัวเชื่อม เมื่อเราสามารถที่จะทดลองอะไรในสิ่งที่เราสามารถตอบคำถามได้ นั่นคือตัวตนที่คุณเป็นจริง ๆ ความจริงก็คือความจริงอยู่วันยังค่ำ อย่าให้สิ่งใดมาหลอกล่อให้คุณเดินทางผิดไปได้ เดินทางแห่งความจริงแล้วคุณจะพบเจอทางออก.

แม้จะมีประสบการณ์เพียงใด แต่สิ่งที่ต้องทำเสมอคืออย่าเป็นคนที่ไม่ทำอะไรเลย ในเมื่อชีวิตได้สร้างสรรค์สิ่งต่าง ๆ มาแล้ว อย่าให้อะไรขวางกั้นคุณก็เพียงแค่สิ่งนั้นบอกให้คุณทำแบบนั้นแบบนี้ แต่จงมองดูตัวเองอีกรอบหนึ่งสอบทานอีกสักครั้ง ว่าเราสามารถทำได้เหมือนคนอื่นไหม และเมื่อไหร่ที่รู้ชัดก็จงลงมือทำซะ.

ความเงียบไม่ช่วยให้ใครได้ยินคุณมากขึ้น แค่เริ่มต้นเปล่งเสียงออกมา

Luvvie Ajayi

สามารถซื้อหนังสือได้ที่

Amazon