Description
ข้อมูลสถิติจากเว็บไซต์ Statista ได้อธิบายไว้ว่า “ในระหว่างปี 1994 ถึง 2017 พื้นผิวของโลกได้สูญเสียการปกคลุมด้วยน้ำไปมากกว่า 28 ล้านล้านตัน มันเป็นตัวเลขที่เปิดเผยโดยทีมนักวิทยาศาสตร์ ณ มหาวิทยาลัย Leeds และ มหาวิทยาลัย Edinburgh รวมไปถึง มหาวิทยาลัย London ด้วยเช่นกัน พวกเขาค้นคว้าและตีพิมพ์ในนิตยสารออนไลน์ที่ชื่อว่า Cryosphere Discussions สถิติดังกล่าวเป็นต้นเหตุให้ตั้งคำถามว่า มันเป็นสาเหตุมาจากสภาวะโลกร้อนได้หรือไม่ คนในทีมที่ชื่อว่า Tom Slater ได้อ้างอิงมาจาก The Guardian ว่าเขานั้นได้นำรูปแบบมาขยายให้เห็นภาพชัดเจนขึ้น เขากล่าวว่า ‘น้ำแข็งกว่า 28 ล้านล้านตันที่ถูกปกคลุมทั่วพื้นผิวทั่วสหราชอาณาจักรพร้อมกับแผ่นน้ำแข็งนั้น โดยรวมแล้วมีความหนามากถึง 100 เมตร’ และนั่น ‘มันช่างน่าเหลือเชื่อมาก’ แล้วภาพนี้แสดงให้เห็นถึงน้ำแข็งที่ละลายไปแล้ว โดยแบ่งเป็นหมวดหมู่คือ ทะเล Arctic ที่ได้ละลายไปมากที่สุดตั้งแต่ปี 1994 แล้วละลายไปมากกว่า 7.6 ล้านล้านตัน ส่วนผาน้ำแข็งและภูเขาน้ำแข็งที่ Antarctic ก็เป็นอันดับสองที่ได้ละลายไปอย่างที่เคยแจ้งไปก่อนหน้านี้แล้วถึง 6 ล้านล้านตัน”
– น้ำแข็งได้ละลายไปมากกว่า 28 ล้านล้านตันภายใน 23 ปี จะทำให้น้ำทะเลหนุนสูงขึ้นอย่างรวดเร็วและภายในปี 2100 ทะเลจะสูงขึ้นมากกว่า 1 เมตร
– ปัญหาระดับโลกที่ยิ่งกว่าปัญหาอื่นคือ ปัญหาที่ไม่สามารถแก้ไขได้โดยใช้ระยะเวลาแค่หลักปีหรือหลักทศวรรษ แต่อาจจะกินเวลาเยียวยาถึงศตวรรษ
– การมองข้ามปัญหาของสภาวะโลกร้อน ก็เปรียบเหมือนเราไม่เห็นสิ่งที่เรากระทำในวันนี้ บางครั้งมันอาจจะส่งผลอย่างมหาศาลในภายหลังก็เป็นได้
– สถิตินี้เป็นมุมมองเล็ก ๆ แต่ก็ส่งผลอันยิ่งใหญ่เหมือนกัน การที่น้ำทะเลสูงขึ้นจะมีผลเสียอย่างไรบ้าง เราทุกคนจะต้องตั้งคำถามนี้ขึ้นมาแล้วหาคำตอบให้จงได้
– แม้ว่าวันนี้อาจจะดูไม่สลักสำคัญที่จะเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมบางอย่าง แต่การตระหนักรู้ถึงปัญหาโลกร้อนก็จะทำให้เราเตรียมตัวรับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ได้