Description
มีคนมาปรึกษาว่า ขอกำลังใจเดินหน้าต่อไปหน่อยได้ไหมคะ ตอนนี้เสียศูนย์ไปเลยค่ะ เรามีแฟนเป็นคนญี่ปุ่น เราคุยกันมา 1 ปี ก่อนตกลงเป็นแฟนกัน ตอนนั้นเขาทำงานที่มาเลเซีย 1 ปี ทำงานที่สิงคโปร์ 2 ปี แล้วก็กลับมาอยู่ที่ไทยด้วยกันเกือบ ๆ 2 ปีแล้วค่ะ ทุกอย่างมันดีมากเลยค่ะ เขาใจดี ดูแลเราดีมาก เราคิดเลยนะคะว่าคน ๆ นี้เราจะสร้างครอบครัวไปด้วยกัน เขาก็บอกว่าเขาทำงานที่ไทยไม่มีแพลนกลับไป เราเคยถามนะคะว่าถ้าวันหนึ่งพ่อแม่เขาไม่ชอบเราจะทำยังไง เขาบอกว่าไม่เกี่ยวเลยนะ เขาโตแล้วแฟนอายุ 42 ปี ส่วนเราอายุ 27 ปีค่ะ เราถามเช็กทุกอย่างให้แน่ใจว่าเราไปต่อกันได้ แต่มาวันนี้ เราถามเขาว่าเขาอยากแต่งงานกับเราไหม เขากลับเงียบ เราเลยถามว่าแต่งไม่ได้เหรอ เขาบอกว่าพ่อแม่เขาอยากให้แต่งงานกับคนญี่ปุ่นด้วยกันมากกว่า ถ้างั้นเขาก็ต้องกลับไปอยู่ญี่ปุ่น แล้วในหัวเรามีแต่คำถามว่า ทำไม เราผิดอะไรนักหนา ความรักที่มีให้กันและกันมันไม่พอเหรอ สู้ไปด้วยกันไม่ได้เหรอ เราไม่เข้าใจสักนิดเลยว่า ทำไมทุกอย่างถึงเป็นแบบนี้ สุดท้ายแล้วเราก็เข้าใจว่า เราต้องปล่อยเขาไป แต่มันยากเหลือเกินค่ะ เราอยู่ด้วยกันที่ไทย แต่เขาต้องไปแต่งงานกับคนญี่ปุ่น สักวันถ้าเราไม่เลิกกัน คงเป็นได้แค่เมียน้อยในชีวิตเขา เขาคงรักเราไม่มากพอ ทุกอย่างมันเลยจบลงแบบนี้
– เมื่อมีพบก็ต้องมีจาก มันเป็นเรื่องของสัจธรรมบนโลกใบนี้ แต่สิ่งที่เราทำได้ดีแล้วนั่นก็คือทำดีที่สุดใน ณ โมเมนต์นั้น ๆ แค่นั้นพอ
– การคิดโทษตัวเอง และโทษโลกใบนี้ไม่ได้ทำให้ชีวิตของเราดีขึ้นได้จริง จงมองว่านี่คือประสบการณ์อันล้ำค่า และความทรงจำที่ดีสืบไป
– ชีวิตไม่มีสมการตายตัวที่จะต้องคุยกันก่อน 1 ปี แล้วค่อยคบหากันอีก 2 ปี แล้วก็จึงแต่งงานกัน คิดง่าย ๆ ว่าผู้ชายคนหนึ่งโสดมานานถึงอายุเท่านี้มันเป็นเพราะอะไร
– หากเราลองคิดทบทวนอย่างละเอียดถี่ถ้วน ทุกคนจะมีเหตุผลในการใช้ชีวิตทั้งหมดทั้งสิ้น เราเอาสิ่งนั้นเป็นชุดความรู้เพื่อดำเนินต่อไป จงสังเกตให้มากเข้าไว้ในตอนคบหากัน
– ทุกเรื่องราวกำลังจะมาบอกเราว่า เราควรเผื่อใจเอาไว้ด้วย ไม่มากก็น้อย เนื่องด้วยการที่เราไม่เผื่อใจเลยและคาดหวังอย่างสุดหัวใจ ทั้งที่แฟนเรายังไม่รับปากอะไรเลยทั้งนั้น